กรณี นักศึกษาเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ใช้อาวุธปืนยิงใส่นักศึกษาโรงเรียนคู่อริบนรถโดยสารประจำทางสาย 113บริเวณป้ายรถเมล์ปากซอย รามคำแหง 164 แต่ถูกเด็กนักเรียนตาย สร้างความโศกสลด ผมเองเป็นพ่อของลูกสองคนก็รู้สึกแย่ (ครับ) เพราะผมเองก็ไปส่งลูกไปเรียนทุกวัน
ยิ่งผมดูทีวี เห็นภาพแม่ของเด็กที่ถูกยิงตาย ร้องไห้ ใจคอผมไม่ดี
จากนั้นนักข่าวทีวีผู้ขยันขันแข็งก็พาไปดูโรงเรียนของเด็กน้อยผู้จากไป พาไปดูชีวิตและความงดงามของเด็กนักเรียนก่อนที่จะถูกยิงตาย ยิ่งดูก็ยิ่งหดหู่ ยิ่งดูยิ่งรู้สึก หมดหวัง
ผมได้ยินเพื่อนผมด่า สาปแช่ง เด็กช่างกล เด็กอาชีวะ บางคนมีอารมณ์ร่วม เสนอให้ ปิดโรงเรียนช่างกล ปิดโรงเรียนอาชีวะ (แม่งเลย)
จากนั้น สื่อทั้งหมดก็ร่วมกันรายงานข่าวว่า ช่างกล อาชีวะ มันเลว จริงๆ มันยิงกัน มันเอามีดฟันกัน มันป่าเถื่อน มันเสพยาเสพติด ข่าวเลวถูกผลิตซ้ำ เป็นข่าวทุกต้นชั่วโมง
"มันดื่มเหล้ากันจนเช้า แล้วก็ดักรอ ศัตรูคู่อริ มันไม่เรียนหนังสือกันหรืออย่างไร ครูของมัน สอนมันอย่างไร ให้เป็นโจร(ว่ะ) " นี่คือ ความเห็นที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ขุ่นเคือง
ผมดูการผลิตซ้ำของสื่ออยู่ 2 วันแล้ว ผมก็เลิกดู ผมว่า โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่ อย่างที่เห็นในทีวีอย่างแน่นอน มันเป็นภาพด้านเดียว มันยัดเยียดกันเกินไป
ข้อมูลที่ผมรู้คือ ประเทศกำลังพัฒนาเช่นประเทศไทย กำลังขาดแรงงาน ประตูโรงงานเปิดรับสมัคร"ช่าง" แต่ขอโทษ ไม่มีแรงงานป้อนเข้าสู่ภาคการผลิต
นักลงทุนทั้งไทยและเทศ ยอมรับตรงกันว่า ประเทศไทยกำลังประสบปัญหา ขาดแคลนแรงงาน อย่างหนัก กว่า 300,000 อัตรา
ผมเคยถามนักวิชาการด้านแรงงานว่า แรงงานหายไปไหนหมด? คำตอบคือ ค่านิยมของคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนไป พวกเขาอยากเรียนมหาวิทยาลัย ไม่อยากเรียนเป็นช่าง
ข้อเท็จจริงส่วนนี้ ผมเองก็เคยประสบด้วยตนเอง ตอนไปสอนหนังสือให้คณะนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ ในหลายมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนในฐานะอาจารย์พิเศษ
ผมพบว่า คนรุ่นใหม่ นิยมเรียนนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ กันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จนผมเองสงสัยว่า เรียนกันไปทำไมมากมายขนาดนี้ แล้วจะไปทำอะไรกิน
ปีหนึ่ง ๆ แต่ละมหาวิทยาลัยผลิตกันออกมาสู่ตลาดนับหมื่นคน เช่นเดียวกับ นิติศาสตร์บัณฑิต ก็ปั๊มกันออกมาหลายหมื่นคนต่อปี ทั้งที่มีคุณภาพและด้อยคุณภาพ
สังคมนี้ ไม่มีใครอยากเป็นช่าง ไม่มีใครอยากมือเปื้อน ทุกคนอยากตัวสะอาด ใส่เสื้อเชิ๊ตอยู่ในห้องแอร์ แต่งตัวเนี๊ยบ พูดจาไพเราะ ดูดีกันหมด
เอาเข้าจริงในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาประเทศของประเทศเยอรมัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศญี่ปุ่น หรือล่าสุดที่มาแรงมากๆ คือประเทศจีน
ทุกประเทศที่กล่าวมาทั้งหมด เติบโตและพัฒนา มาได้ เพราะ"ช่างฝีมือ"ในโรงงาน (ครับ)
อยากที่มีคำพูดว่า "อาชีวะสร้างชาติ" นั้นเป็นจริงเสมอ
ไม่มีประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศใดสร้างชาติจากน้ำลายของนักการเมือง
ผมเห็นว่า ถ้าพวกสื่อช่วยกันผลิตซ้ำเรื่อง ช่างกลเลว -อาชีวะเถื่อนไปเรื่อยๆ จะไม่มีใครอยากเรียนช่าง พ่อแม่ก็ขยาดที่จะส่งลูกเรียนช่าง
ที่สุด สังคมไทย จะมีแต่ลูกชายที่มีใบหน้านวล สีชมพู
ทั้งๆ ที่ประเทศนี้จะพัฒนาเติบไปได้ ต้องมาจาก แรงงาน และความคิดสร้างสรรค์ของบรรดาช่างฝีมือ
พอเถอะครับ พี่น้องสื่อที่รัก เราร่วมกันป้ายสี เด็กช่างกลและเด็กอาชีวะ กันเกินไปแล้ว
ผมเชื่อว่า เด็กช่างที่นอกแถว มีไม่เกิน 0.001 % เป็นตัวเลขที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับนักเรียนช่างทั้งหมด
พอเถอะ (ครับ) อย่าทำลายภาพลักษณ์ของ เด็กช่างกล และเด็กอาชีวะ อีกต่อไปเลย ...แค่นี้ก็ไม่มีใครอยากเรียนช่างกันแล้ว
อย่าลืมว่า ประเทศไทยจะก้าวหน้าหรือถอยหลัง อนาคตฝากอยู่กับเด็กหนุ่มสาวที่พร้อมจะมือเปื้อนน้ำมัน เนื้อตัวมอมแมม ไม่ใช่พวกผู้ชายพกตลับแป้ง(ครับ)