Loading ...

          เมื่อเด็กสาวคนหนึ่งเกิดตั้งท้องในวัยเรียน เธอรู้สึกอย่างไร   ในอดีตเราเคยได้ยินมาว่ามีหลายโรงเรียนที่ปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ถึงแม้จะยอมรับเด็กกลับมาเรียนแต่ด้วยความอับอาย จึงไม่มีเด็กกล้ากลับมา แต่เด็กสาวคนนี้โชคดีที่อยู่ในโรงเรียนที่พร้อมจะเข้าใจ เธออุ้มท้องไปเรียนได้ และมีเพื่อนๆ คอยดูแลระหว่างเรียน จนกระทั่งเรียนจบ         

     ปลา หญิงสาวซึ่งกำลังจะเรียนต่อในชั้น ปวส. เธอมีลูกสาวน่ารักน่าชังชื่อน้องอ้อมใจวัย 2 ขวบที่เกิดจากความผิดพลาดในวัยเรียน เธอเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอเรียนชั้น ปวช. ปี 2 สาขาคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง

     “ ฉันคบกับแฟนคนนี้มานาน แต่งงานอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เรียน ม.2 เวลามีอะไรกันเราก็ป้องกันมาตลอด ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่มันก็พลาดขึ้นมาจนตั้งท้องได้ 2 เดือน ตอนแรกฉันรู้สึกแย่มาก ตกใจ ไม่อยากมีลูก เพราะเรากำลังเรียน เราไม่ได้วางแผนเรื่องนี้มาก่อน เคยคิดผิด อยากเอาเด็กออก แต่ทำไปก็กลัวบาป กลัวคนอื่นมองว่าเราไม่ดี ปรึกษาแม่ แม่ก็บอกว่า คิดหน้าคิดหลังนะลูก ไม่มีใครย้อนเวลากลับไปได้ ” ( พ่อแม่ของปลาแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็ก ต่างฝ่ายต่างไปมีครอบครัวของตัวเอง )                                                                                                      

     เธอเล่าต่อว่าเพื่อนที่โรงเรียนรับรู้ และส่วนใหญ่ไม่ได้ซ้ำเติมอะไร เพราะความเข้าใจที่โรงเรียนแห่งนี้ป้อนข้อมูลให้ตลอดเวลา โดยการริเริ่มของอาจารย์ประทีป จุฬาเลิศ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ “ โรงเรียนของเรา ทุกคนมองเรื่องนี้เป็นปกติ ที่นี่ท้องแล้วยังอุ้มท้องมาเรียนได้ ฉันก็เอาเรื่องไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา ท่านก็แนะนำให้มาคุยกับรองผู้อำนวยการ ( อาจารย์ประทีป จุฬาเลิศ) ก่อนมาคุยคิดอย่างเดียวเลยว่า เราคงไม่ได้เรียนแล้ว เพราะเรามีลูกต้องรับผิดชอบ จะเอาเวลาที่ไหนมาเรียนได้ แล้วเราจะเรียนจบหรือเปล่า คิดมากสารพัด แต่พอได้คุยกับรองผู้อำนวยการ ท่านก็บอกให้กลับมาเรียน ขอให้เรียนจนจบ ปวช. ก่อน”

     เธอจึงตัดสินใจอุ้มท้องมาโรงเรียนเพราะอยากเรียนให้จบ เอาวุฒิการศึกษาไปเรียนต่อระดับ ปวส.

          

     ” ฉันท้องตอนปิดเทอม พอเปิดเทอมมาก็ท้อง 3 เดือน มาเรียนปกติ เสื้อผ้าแรกๆ เราก็ใส่ปกติแบบเพื่อนๆ แต่พอท้องได้สัก 6 เดือน หน้าท้องเริ่มขยาย กระโปรงนักศึกษาก็ต้องเอาไปขยาย บางทีก็ใส่ชุดนักศึกษาแล้วใส่เสื้อคลุมอีกที บางวันอาจารย์ก็อนุญาตให้ใส่กางเกงวอร์มมาเรียนได้ ช่วงท้องกลายเป็นคนพิเศษของเพื่อนๆ ไปเลย ตอนนั้นมีเพื่อนอีกคนที่ท้องเหมือนกัน อยู่ห้องเดียวกัน ไปไหนก็จูงมือกันเดินสองคน เวลาจะเดินเหินอะไรเพื่อนก็บอกให้ระวังทั้งสองคน บางทีเพื่อนก็เอาหูเขามาแนบท้องเราเพื่อฟังเสียงลูกเรา เพื่อนไม่เคยรังเกียจเลย เขาเข้าใจเรา อาจจะเพราะเราเป็นวัยรุ่น เรารู้และเข้าใจกัน เราพลาดเพื่อนไม่มีคำว่าซ้ำเติม ครูที่นี่ก็เข้าใจ คุยปรึกษาได้ทุกเรื่อง ฉันไม่ได้อาย เพราะฉันท้องฉันมีแฟน ไม่ได้ไปสำส่อนที่ไหน ฉันไม่รู้ว่าทึ่อื่นเป็นอย่างโรงเรียนเราหรือเปล่า อาจจะไม่มีเลยก็ได้ ส่วนมากพอเขารู้ว่าท้องก็มักจะไล่ออกเลย เขากลัวเสื่อมเสียชื่อโรงเรียน แล้วเรื่องแบบนี้พ่อแม่ส่วนใหญ่ปลูกฝังมาว่ามันไม่ดี ไม่ค่อยมีใครยอมรับ แต่ยุคของพวกเราเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เปิดเผยได้ มานั่งคุยกันน่าจะดีกว่า”

     ปลาเรียนจบชั้น ปวช. แล้ว ปัจจุบันเธอกำลังคิดจะเรียนต่อชั้น ปวส. และทำงานเลี้ยงลูกสาวไปด้วย ถ้าวันไหนเธอต้องไปเรียนก็ฝากลูกสาวไว้กับป้า “ ถ้าครูไม่ช่วยเหลือ เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่ครูทำให้เราได้มีโอกาสฝันต่อ ฉันรู้อย่างเดียวว่าตอนนี้อยากตั้งใจเรียนให้จบแล้วหางานที่มั่นคงทำเพื่อดูแลลูกได้ แต่ถ้าฉันเรียนไม่จบ เต็มที่ก็คงได้ทำงานโรงงาน ไม่มีสิทธิ์ไปนั่งโต๊ะจับปากกา และงานที่ทำก็ต้องใช้แรงงานมากกว่าใช้สมอง ”

          
 

อาจารย์ประทีป จุฬาเลิศ
รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง

     
 “ จากประสบการณ์การเป็นครูของผม เด็กที่ท้องในวัยเรียน มักเป็นเด็กเรียนดี เกรด 3.2 ขึ้นไป แต่ความรู้ที่จะป้องกันตัวไม่มีเลย นับหน้า 7 หลัง 7 ยังไม่เป็นเลย ผมเคยคุยกับนักเรียนที่ท้อง ไม่มีใครเต็มใจอยากท้อง ทุกคนร้องไห้เสียใจ เพราะชีวิตเขาเปลี่ยนไปเลย”

     อาจารย์เคยศึกษาประวัตินักเรียน จากผลสำรวจพบว่าในจำนวนนักเรียน 800 คนมีที่มาจากครอบครัวซึ่งพ่อแม่หย่าร้างกันกว่า 200 คน “ ส่วนใหญ่เด็กที่มีปัญหาท้องในวัยเรียนมักมาจากครอบครัวแตกแยก ลูกศิษย์เรามาจากครอบครัวแตกแยกถึง 1 ใน 4 มันน่าตกใจ พอครอบครัวแตกแยก วิธีคิดหรือทักษะชีวิต เด็กจะอ่อนมากจนน่ากลัว ยิ่งมาเจอครูอาจารย์ที่ให้หลักคิดเขาไม่ได้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ แถมสมัยนี้สื่อต่างๆ ก็ยั่วยุ อินเทอร์เน็ตมีภาพโป๊เกลื่อน แล้วเด็กจะเป็นอย่างไร”

     ความคิดเรื่องการยอมรับนักเรียนที่ตั้งท้องให้มีโอกาสกลับเข้ามาเรียนต่อได้ของอาจารย์ประทีปเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2534 สมัยที่เป็นครูผู้น้อย จนปัจจุบันเป็นระดับผู้บริหารก็ยังทำอยู่ “ ในวิทยาลัยแห่งนี้เด็กอุ้มท้องมาเรียนไม่ใช่เรื่องแปลก บางทีอุ้มท้องมาเรียน 6-7 คน เราให้ความสมัครใจเด็ก อยากดร็อปก็ได้ อยากเรียนก็มา ตอนนี้ พ.ร.บ.ปี พ.ศ.2542 บอกไว้ชัดเจนว่าเด็กที่ตั้งท้องเรียนต่อที่ไหนก็ได้ ถ่ายโอนหน่วยกิตต่างระบบได้ ตอนแรกที่มาทำก็ถูกต่อต้านเยอะ บางคนบอกว่าชี้โพรงให้กระรอกหรือเปล่า ที่นี่แรกๆ ท้องปีละ 6-7 คน แต่พอเราเป็นที่ปรึกษาให้เขา เป็นตัวกลางคุยกับพ่อแม่ จำนวนเด็กที่ตั้งท้องกลับลดลง บางคนบอกไปยุ่งทำไม ผมก็ถามเขาว่าถ้าเป็นลูกสาวคุณ คุณจะช่วยไหม เรายอมเหนื่อยหน่อย อย่าไปมองว่าเด็กมันแส่หาเรื่องเอง ผมรู้สึกดีที่ได้ช่วยเด็กให้เรียนจนจบได้ ตอนนี้บางคนมีลูก 2-3 คน เงินเดือนเกือบสองหมื่นแล้ว เราเป็นครูต้องให้โอกาสคน”                      
 

นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี
ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

MC: สถานการณ์แม่วัยใสในเมืองไทยเป็นอย่างไร

     “ เมื่อปีกลายได้ไปร่วมประชุมแม่วัยรุ่นโลกที่มาเลเซีย เขาดึงข้อมูลจากทั่วโลกปี พ.ศ.2543 ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 65 ต่อ 1,000 ( 1 พันคนของเด็กวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี มี 65 คนเป็นแม่) ทวีปเอเชียค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ต่อ 1,000 แต่ประเทศไทยอยู่ที่ 70 ต่อ 1,000 มากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งภูมิภาค ในขณะที่ทวีปอเมริกาอยู่ที่ 60 ต่อ 1,000 ทวีปยุโรป 60 ต่อ 1,000 แต่ตัวเลขวัยรุ่นของเราที่มีเพศสัมพันธ์แล้วแอบไปทำแท้งก็ไม่รู้อีกกี่เท่า นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย เราอาการหนักมาก”

MC: อะไรเกิดขึ้นกับวัยรุ่นไทย
     “ วัยรุ่นไม่ใช่จำเลย แต่กระบวนการจัดการปัญหานี้เรายังอ่อนแอมาก เราต้องรุกทุกทิศทุกด้าน ไม่ใช่มานั่งทะเลาะกัน”

MC: มีข่าวว่าท่านนายกรัฐมนตรีเร่งให้แก้ปัญหานี้
      “ ตอนนี้ทุกหน่วยงานคุยกันและวางแผนไปในทางเดียวกัน ยุทธศาสตร์ที่หนึ่งคือเราต้องเพิ่มพื้นที่ในการสร้างสรรค์ให้เด็กได้มีตัวตนของเขา เห็นคุณค่าตัวเอง เคารพสิทธิของกันและกัน ชายหญิงเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ใช่คบกันได้เชิงชู้สาวอย่างเดียว ยุทธศาสตร์ที่สองคือเรื่องของเพศศึกษา เสริมทักษะได้ตั้งแต่วัยอนุบาล วัยเรียน วัยรุ่น แล้วก็เสริมทักษะให้พ่อแม่ คุณครู ผู้นำทางความคิดต่างๆ ให้เขารู้จักการพูดคุยกับเด็ก เสริมทักษะให้เด็กรู้จักคบเพื่อนอย่างไร ป้องกันตัวเองอย่างไร อีกส่วนหนึ่งคือ การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เด็กๆ ต้องเรียนรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด ถุงยางอนามัยหาซื้อได้ที่ไหน สิ่งเหล่านี้เป็นอีกสิ่งที่วัยรุ่นต้องรู้ทันทีหากมีเพศสัมพันธ์ขึ้นมา ภายใน 24-48 ชั่วโมง เขาควรปฏิบัติตัวอย่างไร อีกอย่างหนึ่งคือการช่วยเหลือ ถ้าพลาดพลั้งขึ้นมามีกระบวนในการจัดการอย่างไร มีหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือไหม เรื่องสุดท้ายคือต้องสังเคราะห์และวิเคราะห์เพื่อทำให้ยุทธศาสตร์ทุกด้านก้าวไปด้วยกันได้ ”
 

พรนุช สถาผลสวัสดิ์
ผู้ประสานงานโครงการเพศศึกษาเพื่อเยาวชน องค์การแพธ (PATH)

    
องค์การแพธอบรมครูในการทำหลักสูตรเพศศึกษารอบด้านร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการมา 7 ปี โดยบรรจุอยู่ในชั่วโมงเรียน 16 ชั่วโมงต่อปีในแต่ละโรงเรียนใน 43 จังหวัด โดยได้รับงบประมาณจากกองทุนโลก ( อีก 33 จังหวัดกระทรวงศึกษาธิการจะทำคู่ขนานกันไป)

      “ ในการทำงานกับครูหลากหลายวัยทั้งสายสามัญและสายอาชีพในประเด็นที่เด็กท้องในขณะที่ยังไม่พร้อม เรารู้สึกว่าทัศนคติของครูยังเหมือนเดิม แต่มีแนวโน้มการยอมรับดีขึ้น ถ้าเทียบกับเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ถึงแม้ครูจะยอมรับได้มากขึ้น แต่ก็ยังยึดติดกับหลักศึลธรรม เด็กจะคุยเรื่องเพศกันได้ง่ายกว่าคุยกับผู้ใหญ่ เพราะเขาเติบโตมาอีกแบบ หนังโป๊มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตหรือสื่อบางประเภท แต่ครูโตมาในแบบที่หนังโป๊ยังซ่อนอยู่ใต้แผง ครูต้องพยายามเข้าใจยุคสมัยที่เปลี่ยนไป”

     “ เรี่องเด็กมีเพศสัมพันธ์มันเป็นไปตามวัย แต่จะมีแบบไหนให้ปลอดภัย บ้านเรายังขาดคนคุยกับเขาทั้งภาครัฐหรือเอกชน ไม่ว่าจะคุยหรือสนับสนุนเรื่องการป้องกัน มีบริการแบบนี้ค่อนข้างน้อย หลายหน่วยงานเน้นไปเรื่องรักนวลสงวนตัวซึ่งมันก็เป็นเรี่องที่ดี แต่ผู้ชายเองก็ต้องมีเพศสัมพันธ์ ปัญหามันก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ เราควรจะเน้นการทำความเข้าใจทั้งสองเพศ”

      “ สำหรับหลักสูตรที่ทางแพธได้ทำไปใน 800 กว่าโรงเรียน ยังตอบได้ยากว่าโรงเรียนสอนเรื่องนี้ไปได้มากน้อยแค่ไหน การจัด 16 ชั่วโมงต่อปีไว้ในหลักสูตรก็ไม่ง่ายเท่าไร ถ้าเขามีเรื่องที่ต้องสอน เรื่องนี้ก็จะถูกนำไปไว้ท้ายๆ เพราะเรื่องเพศศึกษา เป็นวิชาชีวิต มันไม่ใช่เรื่องที่จะใช้สอบเอ็นทรานซ์”

     หมายเหตุ : ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง วัยรุ่น หรือครู สนใจเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา คลิกที่ www.teenpath.net                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           
 

          


ความคิดเห็นที่  17

ครูอยู่กับคุณแม่วัยใสรุ่นแล้วรุ่นอีก การให้โอกาสคน เป็นสิ่งที่ดี และสิ่งที่สวยงาม ครูเชื่อเด็กบางคนไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อพลาดไปแล้ว เราต้องมาช่วยกันดูแลให้พวกเขาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ค่ะ

ครูไหม   (2 ธันวาคม 2556  เวลา 13:47:40)

ความคิดเห็นที่  16

ตอบ ครูต้อม การที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งส่งเยาวชนอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไปสอนให้วัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยกับยาคุมกำเนิดไม่เป็นอันตรายต่อเยาวชนเพราะเป็นการช่วยเหลือสังคมให้ปลอดภัย การที่เยาวชนมุสลิมอายุถึง 18 ปีแต่งงานกันยังต้องคุมกำเนิดเพราะไม่อยากท้องในวัยเรียนแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ยังต้องไปโรงเรียนเพื่อเรียนพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน

เยาวชนอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง   (11 พฤศจิกายน 2556  เวลา 12:27:56)

ความคิดเห็นที่  15

อ.ประทีป  จุฬาเลิศ เป็นยอดครู  ผู้ยกจิตวิญาณของลูกศิษย์  เป็นบิดามารดา คนที่สองของศิษย์ ชี้ทางดีชั่ว ควร ไม่ควรให้ศิษย์รู้  ให้ทางสว่างแก่ศิษย์เมื่อพลาดพลั้งต้้งท้อง เป็นคุณแม่วัยใส  ไม่ให้ทำบาปกรรมแก่ชีวิตน้อยๆที่จะเกิดมา โดยการทำแท้ง  โดยอาจารย์ให้ควมเห็นใจเข้าใจผู้ทำผิดให้รุ้จักฟอกมโนธรรมตัวเอง  กล้าเผชิญปัญหาด้วยความเข้มแข็ง  ขอบคุณอาจารย์ ขอให้มีสุขภาพดี อยู่เป็นขวัญกำลังใจให้ศิษย์และครูทีมีอุดมการณ์ในการช่วยเหลือศิษย์ที่มีปัญหานานๆ ดีใจที่สังคมไทยมีครูที่เป็นมืออาชีพเต็มร้อยทีเสียสละจริงๆ

ครูอุดมการณ์เดิมกัน   (28 ตุลาคม 2556  เวลา 10:21:26)

ความคิดเห็นที่  13

ลูกท้องขณะยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย  แล้วเวลาไปแจ้งเกิดทำยังไง  ทำยังไงลูกถึงได้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดิม

ผู้ปกครอง   (15 มีนาคม 2556  เวลา 11:32:34)

ความคิดเห็นที่  12

ก็เคยท้องตอนเรียนมหาลัยปีสาม พอคลอดก็กลับมาเรียนจนจบ ป.ตรี ตอนนี้ลูกอายุหกขวบค่ะ มีหน้าการงานมั่นคงและอบอุ่น เพราะได้รับการให้โอกาสจากครูอาจารย์จากมหาวิทลัย

p   (30 สิงหาคม 2554  เวลา 11:28:57)

ความคิดเห็นที่  11

อยากวอนขอความเมตตากรุณาจากครูฝ่ายปกครองและคุณครูบางท่านด้วยว่า  การที่เด็กผู้หญิงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมานั้น  มาจากสาเหตุใดกัน  ซึ่งเชื่อแน่ว่าไม่ได้เกิดจากความ11  รอ ดอ ของ เด็กอย่างเดียวหรอกแต่มันอ่จเกิดมาจากครอบครัวของเขา ตัวผู้ชายที่ร่วมกระทำกันขึ้นมาและครอบครัวของผู้ชายด้วย  เพราะฉะนั้นเราควรเปิดโอกาสให้เขาตัดสินใจ  แต่เราเป็นครูเราไม่ตัดสินให่เด็กเอาเด็กออกแน่นอน  แต่เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะช่วยเด็กให้มีอนาคตที่ดีและได้ไปทำมาหากินเลี้ยงลูกของเขาอีกทีหนึ่ง  คุณครูปกครองบางท่านใจดีนะคะ  แต่บางครั้งต้องทำเพื่อหน้าที่  แต่ครูบางคนทำกับเด็กเพื่อความสะใจจะบอกว่ามีวิญญาณความเป็นครูมากไปก็ไม่ใช่เพราะคนเป็นครูต้องรักและเมตตานักเรียน  ให้อภัยและพร้อมที่จะช่วยเหลือ  ถ้าช่วยกันไม่ได้หรือม่อยากช่วยก็เฉยๆไว้จะดีกว่า  ปล่อยให้ครูคนอื่นที่เขาเต็มใจช่วยมาช่วยดีกว่า  แต่ถ้าไม่มีใครก็ส่งไปที่ห้องแนะแนวก็ได้  เพราะส่วนใหญ่ครูที่เป็นครูแนะแนวต้องมีวิธีการช่วยเหลือนักเรียนอยู่แล้วจากหนักเป็นเบาหรือหมดปัญหาไปเลยก็ได้ค่ะ

ครูเพศคนหนึ่ง   (16 พฤษภาคม 2554  เวลา 19:38:29)

ความคิดเห็นที่  10

      16 ชั่วโมงในโรงเรียน ในหลักสูตรเพศศึกษา ที่ใช้งบประมาณกองทุนโลก หรืออะไรต่าง ๆ ต้องพิจารณาให้ดี การยึดติดกับหลักศีลธรรมเป็นสิ่งที่ดีงาม และถูกต้อง แต่ต้องมีศิลปะในการใช้ศีลธรรม
      ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ เห็นไหมสีนามิ เกิดจากวิบากกรรม กาเมฯ (แก็งยากูซ่า เกอิชา) ผิดศีลข้อ 3  อบายมุขต่าง ๆ(การพนัน การเที่ยวกลางคืน )  การดื่มสุราเมรัย(เหล้าสาเก)
     แม้ว่าเด็กยุคนี้เติบโตมาคนละสิ่งแวดล้อมกับคนผู้ใหญ่ในปัจจุบัน แต่กิเลสมันก็ตัวเดิมนั้นแหละ ราคะ โทสะ โมหะ
     คุยเรื่องเพศต้องคุยเรื่องกฎแห่งกรรมควบคู่กันไป ต้องวางเป้าหมายชีวิต ปัจจุบัน อนาคต ตายแล้วไปไหน ต้องศึกษานะ
      ไม่ใช่ความเข้าใจยุคสมัยเพียงอย่างเดียว ต้องเข้าใจกิเลสด้วย กันดีกว่าแก้   ถ้าจะแก้....ต้องแก้ให้ถูก..อย่างผู้รู้ คือพระพุทธเจ้า ผู้รู้แจ้งโลก ท่านมีขุมทรัพย์ให้เราขุดค้นมากมาย

    เรื่องเด็กมีเพศสัมพันธ์มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามวัย การมองแบบนี้ เท่ากับส่งเสริมและเห็นด้วยให้เด็กทำไปตามธรรมชาติ จะเกิดอะไร เป็นอะไรก็เป็นไป โดยอ้างว่ามันเป็นธรรมชาติ เพราะไม่รู้จะแก้อย่างไร หรือแก้ไปแล้วก็ไม่ได้ผล หรือแก้ไปแล้วก็เหนื่อย เพราะยิ่งแก้ยิ่งเกิด ยิ่งแก้ยิ่งกลุ้ม

    การศึกษาทุกวันนี้ มุ่งทำให้คนเป็นคนเก่ง แต่ขาดการเป็นคนดี
     คนดี คือ มีศีล 5 เป็นเสาหลักของชีวิต
     คนดี ไม่ใช่คนที่ยึดหลักธรรมประจำใจว่า "บุญไม่ทำ กรรมไม่สร้าง วัดไม่เข้า เหล้าไม่กินก็เรียกว่าเป็นคนดี อย่างนี้ยังเป็นคนดีไม่สมบูรณ์ เพราะหลักทางพระพุทธศาสนา หัวใจ 3 ข้อคือ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส
    บุญไม่ทำ ไม่ได้แปลว่า ทำดี
    กรรมไม่สร้าง ไม่ได้แปลว่า ละชั่ว
    วัดไม่เข้า   ไม่ได้แปลว่า ทำใจให้ผ่องใส

     การศึกษาทุกวันนี้ มุ่งเรียนรู้เเต่เรื่องข้างนอก เมื่อก่อนมีวิชาศีลธรรมในโรงเรียนต่อมา กระทรวงศึกษาเอาวิชาศีลธรรมทางพระพุทธศาสนาออกไป สังคมก็เริ่มเสื่อมอย่างที่ประสบในปัจจุบันนี้
     การศึกษา ต้องเสริมคุณธรรมภายใน เรื่องราวของการวางตัวที่เหมาะสมกับเพศภาวะทั้งหญิงทั้งมีให้รู้ ให้เห็นเป็นแบบอย่างที่ดี เช่น เป็นเลิศฝ่ายหญิง ก็ต้องศึกษา เรื่องนางวิสาขา  เป็นเลิศฝ่ายชาย ก็ต้องศึกษา เรื่องท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
     การศึกษาทุกวันนี้ ยิ่งเรียนยิ่งไม่รู้ คือไม่รู้จักเรื่องของตัวเอง  เพราะมัวแต่ลืมตา มองคนอื่น มองไม่เห็นตัวเอง แม้เห็นหน้าตัวเอง ก็ยังไม่เคยเห็น จริงไหม เราเห็นตัวเองจากเงาในกระจก ในน้ำ แต่เราไม่เคยเห็นหน้าเราเองเลย ตั้งแต่เกิดจนตาย
     การจะเห็นตัวเอง ต้องหลับตา มองกลับเข้าไปสู่ภายใน ควบคุมใจได้ ก็จะควบคุมกายได้ แม้เรื่องธรรมชาติทางเพศ ก็ควบคุมได้ ถ้าเราสอนให้เด็กหมั่นฝึกสมาธิ มองกลับเข้าสู่ภายใน เขาจะพบคนกลางกาย ไม่ใช่พบคนข้างกาย ที่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างไม่จบสิ้น
     ลองดูสิ คุณคุณทุกคุณ ลองมองดูตัวเอง ด้วยการหลับตา หลับตา ทุกคน ทำสมาธิ มองกลับเข้าสู่ภายใน สอนเด็ก ๆ  ของเรามองเข้าสู่ภายใน เด็กและเยาวชนของเราจะดูแลตนเอง ควบคุมตนเอง รองรับคุณธรรมความรู้ที่ครูบาอาจารย์พร่ำสอนได้อย่างเต็มที่ พ่อแม่ก็จะมีน้ำตาที่เป็นสุข ไม่เป็นทุกข์อีกต่อไป แล้วเราจะพบความสุข พบรอยยิ้มที่แท้จริง แบ่งปันให้ทุกคน ในสังคม
     หวังใจว่า จะได้เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันสังคมของเราไปถูกทาง ถูกต้อง ถูกใจ ถูกปัจจัย (เงินไม่ต้องจ่ายเยอะ) 555


       รักลูกให้วิธี...
รักสังคมให้ถูกทาง...
วางหลักสูตรให้ถูกต้อง...
วางของให้ถูกที่...
วางทีมให้ถูกงาน...
วางใจให้ถูกจุด... แล้วเราจะ HAPPY กันจ้า....

ครูต้อม   (28 เมษายน 2554  เวลา 15:10:02)

ความคิดเห็นที่  9

           ความรู้ที่แท้จริง ของการศึกษาเรื่องเพศศึกษา ไม่ใช่เเค่ศึกษาเชิงปฏิบัติว่าต้องใช้ถุงยางอนามัยอย่างไร ต้องกินหรือต้องฉีดยาคุมอย่างไร การสอนแบบนี้ อันตราย....เป็นดาบสองคม
          ชาวญี่ปุ่นเค้าสอนเรื่องเพศศึกษาตั้งแต่อนุบาลว่าเริ่ม จากการทำความสะอาด และสอนตอนวิชาว่ายน้ำว่านี้เพศชาย นี้เพศหญิง โดยเฉพาะเพศหญิงเป็นเพศแม่ มีความอ่อนแอโดยทางกายภาพมากกว่าเพศชายมากนัก ต้องให้เกียรติ ยกย่อง ดูแล ไม่ล่วงเกิน ทำให้ถูกต้องตามประเพณี

        ลองคิดดูนะ เราเกิดมารู้แต่ว่าสูติบัตรให้ระบุว่า เป็น เพศหญิง หรือ เพศชาย แต่พอโตขึ้น ทำไมมันกลายเป็นเพศที่สาม สี่ ห้า ไปซะ ทอม ดี้ ตุ๊ด เกย์ กระเทย กระทิง  มาจากไหน ไม่มีการศึกษาวิชาสุขศึกษาให้คำตอบ แต่....
      พระพุทธศาสนาให้คำตอบเรื่องนี้  เพศที่เพี้ยนไปมากเท่าไหร่ก็ฟ้องว่า มนุษย์ผิดศีลข้อ 3 มากเท่านั้น(ศีล 5 ข้อ1.ไม่ฆ่า 2.ไม่ลักขโมย 3.ไม่ประพฤติผิดในกาม 4. ไม่พูดปด 5.ไม่ดี่มสุราเมรัย บุหรี่ ยาเสพติด) ได้ สังเกตไหมว่า ทอม ดี้ ตุ๊ด เกย์ มีอยู่ในทุกเชื้อชาติ
     
       การทำผิดศีลใน วัยเด็ก  วัยรุ่น  วัยผู้ใหญ่  วัยชรา ก็ถือว่าได้สร้างวิบากกรรมขึ้นมาแล้ว
       
       เด็กชายถ้าทำให้เด็กหญิงท้อง ก็ผิดศีล ข้อ3 วิบากกรรมไม่ใช่เรื่องความเชื่อไม่เชื่อ แต่มันเป็นกฎสากลที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่มีมนุษย์แล้ว พระพุทธองค์เป็นเพียงผู้ชี้แนะ อย่าบอกว่าหนูไม่ผิดหรอก เพราะหนูไม่รู้ก็....ไม่ใช่นะ กฎแห่งกรรมเขาไม่สนใจว่าคุณจะรู้ไม่รู้  ด้วยเหตุเพราะความไม่รู้เรื่องความจริงของชีวิตจึงเป็นอันตราย ว่ามันซับซ้อน   จึงพากันผิดศีลกันจนเป็นเรื่องปกติ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ลูกเขา เมียใคร ไม่สนใจ ถ้าถูกตาถูกใจก็ยอมกันได้
     
     ถ้าการศึกษายังคงเป็นเรื่องเพียงให้การศึกษา ว่าจะต้องป้องกันตัวเมื่อจะมีเพศสัมพันธ์อย่างไร สังคมก็จะต้องเผชิญกับปัญหาที่สืบเนื่องมาจากเรื่องทางเพศที่ตามมาอีกมากมาย การท้องในวัยรุ่น การทำแท้ง การฆ่าตัวตาย การนอกใจ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ฯลฯ เพราะกิเลสคนไม่มีวันหมดได้... แต่หยุดได้....โดยวิธี...สร้างสิ่งแวดล้อม กระแสสังคมที่มีศีลธรรม ให้ชวนกันมาศึกษาหลักศีล สมาธิ เพื่อควบคุมสติ ให้เกิดปัญญา  เข้าค่ายคุณธรรม โครงการคุณธรรมที่มีองค์กรพุทธเข้าทำไว้ สร้างเว็บไซด์คุณธรรม โฆษณา หน้าหนังสือพิมพ์ก็ได้โปรดช่วยกันเผยแผ่โครงการคุณธรรมของเด็ก ๆ เยาวชนที่ดี ให้เป็นแบบอย่างที่ดีกันดีกว่า  การแต่งกายของนักร้อง ดารา อย่าโป๊ วีซีดีโป๊เถื่อนมีกันเกลื่อนตั้งเป็นเเผงให้หาซื้อง่ายกันเหลือเกิน  ยิ่งแฟชั่นที่ดารานางแบบแห่กันออกมาใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายขึ้นหน้าปก อินเตอร์เน็ท เว๊บไซด์ ควรให้ตระหนักถึงความปลอดภัยของเยาวชน ลูกผู้หญิงคนอื่นที่เขาอาจเป็นเหยื่อจากการที่เห็นคุณนางแบบใส่ชุดวอบ ๆ  แวม ๆ ส่งผลให้ลูกหญิงหลายคนตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์ คดีข่มขืน การเลียนแบบของเยาวชนแต่งตัวตามแฟชั่น
    อย่าเพียงแต่เหนื่อยให้ความรู้ด้านเพศศึกษาแบบดั้งเดิมเลย เพราะการสอนเรื่องเพศบางเรื่องมันเป็นดาบสองคม ให้เด็กอยากรู้อยากลอง ต้องเปลี่ยนทัศนคติในการศึกษาเรื่องเพศเสียใหม่ว่า เพศศึกษาต้องยกระดับจิตใจให้ "สูงส่ง" ไม่ใช่ "สำส่อน" ไม่ใช่สอนให้ ชิงสุกก่อนหาม แต่ต้องสอนให้ รักนวลสงวนตัว สิ่งนี้โบราณสอนแต่ไม่โบราณ เพราะมันใช่ได้สากลตลอดกาล
   การศึกษาเรื่องเพศของครูผู้สอนต้องรู้มากกว่าทางกายภาพ ต้องรู้ชีวิตในอดีต กฎแห่งกรรม ชีวิตในอนาคต เป้าหมายชีวิต การเป็นสามีภรรยาช่วงแรกของการแต่งงาน และก็ต้องยกฐานะจิตใจมาเป็นพ่อคน แม่คน การให้กำเนิดมนุษย์สักคนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ต้องให้ความสำคัญกับชีวิตที่เกิดมา โดยให้ความรู้ที่เป็นความจริงของชีวิต
    ต้องมาเพิ่มพูนความรู้ที่แท้จริงของชีวิตกันดีกว่า แล้วผู้บริหาร นักการศึกษา ครูอาจารย์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง จะไม่ต้องหนักใจ เป็นการแก้ปัญหาที่ใจมนุษย์ที่ขาดความรู้ ขาดความยับยั้ง ขาดสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดี เพราะเกิดใหม่ก็ต้องเรียนรู้ใหม่ ไม่มีใครรู้มาตั้งแต่เกิด แต่เด็กที่มีบุญมาแต่เกิดจะสอนตนเองได้ เด็กทุกคนที่ได้เกิดมาก็เป็นเด็กที่มีบุญอยู่แล้ว แต่บุญมาก ก็สอนตัวเองได้มากหน่อย บุญน้อยก็สอนตัวเองได้น้อย สังคมจึงจำเป็นต้องสร้างสิ่งแวดล้อมที่ป้องกันภัยให้ตั้งแต่เกิด ทั้งที่บ้าน ที่วัดและที่โรงเรียน

       เอาไว้จะส่งข้อมูล "เพศศีกษา" ตัวจริง มาให้ศึกษากันนะ

                                           ด้วยรักและห่วงใย

                                                    ครูต้อม

ครูต้อม   (28 เมษายน 2554  เวลา 13:55:26)

ความคิดเห็นที่  8

เราควรปรับเปลี่ยนมุมมองได้แล้ว
แทนที่มาซ้ำเติมความผิดพลาด
เปลี่ยนมาเป็นให้โอกาส
ให้เด็กท้องในวัยเรียนได้รับการศึกษา

ไม่ใช่ชี้โพรงให้กระรอก
คิดถึงใจเขา่ใจเรา
หากวันหนึ่งลูกสาวคุณเดินทางผิด
คุณอยากให้คนในสังคมเปิดโอกาส
ให้ลูกสาวคุณได้เรียนหนังสือหรือไม่

หรือทางออกของคุณคิดเพียงแค่
เป็นฆาตกรฆ่าเด็กในท้องอย่างนั้นหรือ

คนนั้น   (17 เมษายน 2554  เวลา 12:18:13)

ความคิดเห็นที่  7

อาจารย์ประทีป จุฬาเลิศ
เป็นอาจารย์ตัวอย่างที่น่ายกย่องมาก
ไม่ปิดกั้นโอกาสทางการศึกษาของคน
สถาบันนี้น่ายกย่องด้วยค่ะ ที่ไม่ปิดกั้นในการให้การศึกษาเด็ก
ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอท้อง อับอายชื่อเสียง คนท้องเป็นคนเหมือนกัน
ต้องการได้รับการศึกษา ไม่มีใครอยากเดินทางผิด
แต่เมื่อเกิดปัญหาแล้วสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา
ควรให้โอกาสเด็ก ไม่ใช่มาซ้ำเติม

คนนั้น   (17 เมษายน 2554  เวลา 12:12:01)

ความคิดเห็นที่  6

ทุกปัญหามีทางแก้ถ้ารัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน

น.ป.ช   (17 มีนาคม 2554  เวลา 16:03:41)

ความคิดเห็นที่  4

ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้เสมอค่ะ  สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :]

ความคิดเห็นที่  3

ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยที่เดี๋ยวเพราะว่าเป็นที่เปิดโอกาศที่ดีให้แก่เด็กวัยรุ่น อีกอย่างก็คงไม่เด็กวัยรุ่นที่ไหนอยากจะท้องก่อนเรียนจบ หรือท้องก่อนแต่งกันทั้งนั้นแหล่ะ ชีวิตคนเรามันย่อมเกิดความผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น  อนาคตที่ดีทุกคนย่อมมีวาดฝันเอาไว้กันทั้งนั้น

มะขามขม   (11 กุมภาพันธ์ 2554  เวลา 14:12:19)

ความคิดเห็นที่  2

หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเราในฐานะที่เป็นครูสิ่งที่ทำอันดับแรกคือปลอบใจและให้กำลังใจแก่ศิษย์ไม่แสดงอาการใดๆยอมรับฟังปัญหาและพยายามหาหนทางแก้ไข
ตอนนี้การมีเพศสัมพันธ์ ในวัยเรียนวัยรุ่นมองว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดาไปเสียแล้วโดยหารู้ไม่ว่าสิ่งนี้คือภัยใกล้ตัวที่สุดหากวัยรุ่นได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด มีปัญหาอะไรก็เปิดอกคุยกัน พ่อแม่ควรเป็นกันเองกับลูก ลูกจะได้ไม่รู้สึกว่าหากเกิดปัญหาขึ้นคนที่จะรู้เป้นคนสุดท้ายไม่ใช่พ่อแม่ หากมีครอบครัวที่อบอุ่นสิ่งนี้สำคัญที่สุดเป็นเกราะป้องกันได้อย่างดี

ครูขวัญ   (25 พฤศจิกายน 2553  เวลา 16:13:03)

ความคิดเห็นที่  1

ไม่มีนักเรียนหญิงคนไหนอยากท้องในวัยเรียน แต่ที่พวกเขาตั้งท้องในวัยเรียน พ่อ - แม่ และครูต้องมองย้อนที่ตัวเองว่าได้ดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิดหรือไม่ ทำตัวเป็นที่ปรึกษาที่ดีหรือมัวแต่จ้องจับผิดเด็กๆ เมื่อไม่นานมานี้ มีนักเรียนหญิงคนหน่งเดินเข้ามาหา แล้วบอกว่า"หนูท้องค่ะ" สิ่งแรกที่ครูทำคือ "กอด" และพูดว่า "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของหนู ทุกปัญหามีทางแก้" แล้วก็ได้ช่วยเหลือให้คำปรึกษา และยืนยันกับผ้ปกครองของนักเรียนว่านักเรียนสามารถเรียนจนจบและยังสามารถเรียนต่อในสื่งที่เขาใฝ่ฝัน ทุกวันน้นักเรียนคนน้เรียนอยู่อย่างมีความสุข ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แค่นี้แหละค่ะสิ่งที่ครูต้องการ

ครูฟ้า   (22 พฤศจิกายน 2553  เวลา 14:11:50)