Loading ...

         ในเวลานี้ชาวสังคมออนไลน์คงยังไม่มีใครพลาดชมโฆษณาตัวใหม่ของเครือข่ายโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ดีแทคที่มีสโลนแกนโดนใจสั้นๆ ว่า“ดีแทคเชื่อในความพอดี” ที่ชาวสังคมออนไลน์ต่างแบ่งปันกันดูกันให้ทั่วเฟซบุ๊กและเว็บบอร์ดต่างๆ

         จากกระแสตอบรับ ดูเหมือนว่าดีแทคจะประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายมากเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่นในเว็บไซต์ youtube มีผู้เข้าชมโฆษณานี้หลายล้านคน ตามด้วยความคิดเห็นยาวเหยียด ไม่ว่าจะเป็น “Best ad. Ever”“ดูแล้วน้ำตาซึมทุกที”หรือจะเป็น “โฆษณานี้เอาใจกูไปเลย”

          ส่วนตัวแล้วก็ขอยอมรับว่าเป็นโฆษณาที่โดนใจมากโฆษณาหนึ่ง เพราะสามารถพูดแทนในสิ่งที่เราอยากบอกคนใกล้ตัวเรา (และบอกตัวเองด้วย) ได้อย่างตรงไปตรงมา หรือที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า “มันโดน”

          แต่รู้สึกไหมว่า ยิ่งดูโฆษณาชิ้นนี้เท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินข้อความแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

          คิดไปคิดมาก็ร้องอ๋อ! พูดคล้ายๆ แม่ที่บ้านเลย

          โฆษณานี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่แม่บ่นเราทุกทีที่เห็นเรานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวี่ทังวัน ไม่ก็ตอนที่นั่งกดโทรศัพท์มือถืออยู่นานสองนาน

           แต่ที่น่าแปลกคือ ดีแทคบอกเราแล้วเราชื่นชม แต่แม่บอกเราแล้วแม่กลับกลายเป็น “นางมารร้าย” คอยขัดขวางความสุขที่กำลังมีขณะโลดแล่นอยู่ในโลกสังคมออนไลน์

          แม้ว่าวิธีการสื่อสารของดีแทคจะน่าประทับใจกว่า และไม่ได้ “ขัดจังหวะ”เหมือนแม่ที่บ้าน แต่เรากำลังมองข้ามความจริงบางอย่างไปหรือเปล่าว่า โฆษณาสร้างภาพลักษณ์ให้เรารัก แต่แม่ที่บ้านไม่สร้างภาพลักษณ์แต่คอยให้ความรัก

          ในขณะที่กำลังสนุกและมีความสุขกับเพื่อนสนิทที่ชื่อสังคมออนไลน์ เรากำลังสร้างกำแพงบางๆ กั้นระหว่างเรากับคนใกล้ตัวโดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้

          ขอบเขตของความพอดีมันอาจหาไม่ยากอย่างที่คิด แค่ลองฟังคนที่หวังดีกับเรามากที่สุดในชีวิตเวลาที่เขาเอ่ยปากว่าให้ “พอ”หรือ “เพลาๆ ลงบ้าง”       น่าจะเป็นการรับรู้ถึงการล้ำเส้นแห่งความพอดีในการใช้สังคมออนไลน์ของเราได้ง่ายๆ

          เพียงแค่เปิดใจรับฟังเสียงบ่นเหล่านั้นเหมือนที่เปิดเว็บไซต์ youtube ดาวโหลดโฆษณามาให้ดู        

          ฟังแม่พูดไม่เสียสตางค์ ไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ต ไม่เสียค่าไฟ ถ้าชอบใจก็ยกนิ้วโป้งให้แม่เห็นได้ บอกแม่ได้ว่าประโยคที่แม่ “บ่น” เมื่อกี้โดนใจหนูสุดๆ เลย!

          ไม่เห็นต้องรอให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักเรามาบอกเรา เสียงจากคนใกล้ตัวแค่เราให้ความสำคัญ มันก็มีค่ามากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรตั้งมากมาย    

            อย่าต้องให้แม่ที่บ้านถึงขั้นลุกขึ้นมาเล่นโฆษณาเอง อัพโหลดลงyoutubeแล้วไปโพสต์ให้คุณดูเลย ขอบเขตของความพอดี... รับรู้ได้ง่ายกว่านั้นเยอะ

 
 
 


ความคิดเห็นที่  5

9tLbdb Im grateful for the blog article.Thanks Again.

social bookmarking service   (7 มิถุนายน 2556  เวลา 11:15:58)

ความคิดเห็นที่  4

อย่าต้องให้แม่ที่บ้านถึงขั้นลุกขึ้นมาเล่นโฆษณาเอง อัพโหลดลงyoutubeแล้วไปโพสต์ให้คุณดูเลย ขอบเขตของความพอดี... รับรู้ได้ง่ายกว่านั้นเยอะ
อืม...............................น่าสนใจ

ฺฺBB   (3 มีนาคม 2554  เวลา 07:11:57)

ความคิดเห็นที่  3

 "อย่าต้องให้แม่ที่บ้านถึงขั้นลุกขึ้นมาเล่นโฆษณาเอง อัพโหลดลงyoutubeแล้วไปโพสต์ให้คุณดูเลย ขอบเขตของความพอดี... รับรู้ได้ง่ายกว่านั้นเยอะ"
...............มันโดน............

คนนี้นี่เอง   (1 มีนาคม 2554  เวลา 18:03:16)

ความคิดเห็นที่  2

เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนมองข้าม  และบางครั้งพยายามทำลืมด้วยซ้า  ความหวังดีที่ไม่ต้องบรรจงแต่งภาพลักษณ์มันมาจากความจริงใจนะ  แล้วสถาบันครอบครัวใครๆก็ว่าเป็นสถาบันหลัก  แต่ไม่ค่อยเชิดชูสักเท่าใด  ลอกกลับไปทำครอบครัวให้ดี  อยู่ดีมีสุข  แล้วทุกๆคนก็จะไม่มีปัญหาร๊อก  ... คิดว่านะ...

สะเก็ดดาว   (7 ธันวาคม 2553  เวลา 14:17:25)

ความคิดเห็นที่  1

นี่แหละเรื่องจริง คนเรามักจะมองไม่เห็นในสิ่งดีๆ ที่คนใกล้ๆ ตัวทำให้กันหรอก  แต่มักจะเป็นการขัดขวางหรือกีดกัน
มากกว่า ซึ่งบางครั้งมันก็น่าน้อยใจนะสำหรับคนทำให้  แต่ก็จะทำไงได้ ก็เรารักของเรา เราก็ทำได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว
อะไรมันเกิดก็ต้องให้มันเกิดละนะ ก็เราทำดีที่สุดแล้ว

ใหญ่ เอ็มเฟรนด์ อุดรฯ   (7 ธันวาคม 2553  เวลา 12:27:58)