Loading ...

            “หอพัก... หอพักแยกชายหญิงที่ได้รับรางวัลหอพักดีเด่นประจำปี” ข้อความโปรโมทในป้ายผ้าที่แขวนไว้หน้าหอพักใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แสดงให้เห็นถึง “คุณค่า” ของการแบ่งแยกพื้นที่ระหว่างสองเพศ ซึ่งสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่ว่าอย่างน้อยลูกสาวลูกชายของฉันก็ห่างไกล “เรื่องอย่างว่า”

            แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับหลักการเสมอไปนั้น ผมแอบมองเห็นรูโหว่ใน “ระเบียบ” ดังกล่าวที่ “ผู้ใหญ่” บางคนอาจมองไม่เห็น

            โดยทั่วไปแล้ว หอพักส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่หอพักนักศึกษานั้นจะไม่แบ่งอย่างชัดเจนว่าเป็นหอพักสำหรับผู้ชายหรือสำหรับผู้หญิง จะมีก็เพียงกรณีที่เป็นหอพักหญิงล้วน อันนี้ผมเข้าใจว่าเพื่อจุดประสงค์ด้านความปลอดภัยมากกว่าเพื่อป้องกันชายหญิงขึ้นไปร่วมรักกัน

            ส่วนหอพักชายนั้นบ้างอาจจะไม่นิยามไปโดยตรงว่าเป็นหอพักชาย บ้างก็นิยาม แต่โดยปกติแล้วก็ไม่ได้ห้ามผู้หญิงขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนคงคิดแบบเดียวกันว่า ผู้ชายคงไม่ได้รับอันตรายจากเพศหญิงได้ง่ายดายเท่าไรนัก (ประเด็นนี้แอบลำเอียงทางเพศนะเนี่ย)

            สรุปก็คือโดยทั่วไปแล้วหอพักไม่ได้มีประเด็นเรื่องแบ่งแยกช่องว่างระหว่างสองเพศ

            ทีนี้มาดูในบริบทของหอพักสำหรับมหาวิทยาลัยกันบ้าง

            ร้อยทั้งร้อยหอพักนักศึกษาซึ่งอยู่ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยนั้น แบ่งประเภทไว้ชัดเจนว่าเป็นหอพักชายหรือหอพักหญิง ซึ่งหอพักชายก็ห้ามผู้หญิงขึ้น และหอพักหญิงก็ห้ามผู้ชายล่วงล้ำ เหล่านี้เป็นไปตาม พรบ. หอพักและระเบียบอันเข้มงวดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของแต่ละมหาวิทยาลัย ที่ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่าหอพักนักศึกษาที่ปราศจากการแบ่งแยกหมวดหมู่ตามเพศนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อน “วัยอันควร” และนำไปสู่ปัญหาสังคมอีกหลายอย่าง เช่นการทำแท้ง โรคติดต่อ ฯลฯ

            ไม่เพียงแต่กระทรวงที่รับผิดชอบเท่านั้นหรอกครับที่ยึดแนวคิดแบบนี้ หลายคนในสังคมโดยเฉพาะ “ผู้ใหญ่” ก็ยังเชื่อในวาทกรรมที่ว่า หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันในที่ลับตาแล้วมันจะต้องมี “เรื่องอย่างว่า”

            ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ผมเชื่อเหลือเกินว่า วัยรุ่นอย่างเราๆ ไม่ได้มอง “เรื่องอย่างว่า” เป็นสาระสำคัญของชีวิตกันเท่าไรนัก อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ ฉะนั้นแล้ว ระเบียบดังกล่าวสำหรับผมมันก็คือรูโหว่ดีๆ นี่เอง

            มันคือรูโหว่ที่สร้างความเสียหายให้ภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีของวัยรุ่น เมื่อวาทกรรมเรื่องหอแยกเพศนั้นคอยตอกย้ำอยู่ลึกๆ ว่าถ้าไม่แยกระหว่างชายหญิงแล้ว จะมีนักศึกษาฉวยโอกาสไปมีอะไรกันบนห้อง ซึ่งผมคิดว่าความคิดดังกล่าวนั้นได้ครอบงำคนส่วนใหญ่ไปแล้ว สุดท้ายพอเห็นวัยรุ่นผู้หญิงกับผู้ชายเดินขึ้นหอไปด้วยกัน ก็พาให้คิดไปได้อย่างเดียวว่า “นั่นแน่!”

            ผมไม่ได้สนับสนุนให้หอพักนักศึกษาเปลี่ยนระบบมาเป็นหอพักรวม ผมเพียงคิดว่าระบบดังกล่าวที่เกิดจากแนวคิดรักนวลสงวนตัวนั้น เป็นการเปิดช่องโหว่ให้ความคิดของเราไหลเข้าไปสู่เรื่องเดิมๆ ไม่ใช่แค่หลักการโบราณที่ว่า วัยรุ่นต้อง “บริสุทธิ์” แต่รวมไปถึงความเชื่อที่ว่าหากเปิดช่องว่างให้ วัยรุ่นก็พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์กันทันที

            ผมเชื่อ (อีกครั้ง) ว่าแม้ความอาวุโสของวัยรุ่นอย่างเราๆ จะน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่บางครั้งความคิดและวุฒิภาวะก็ไม่ได้ด้อยกว่า

            ไม่ได้คิดแต่จะมีอะไรกันเหมือนที่บางคนชอบคิด

          ความจริงแล้วหอพักที่อนุญาตให้ทั้งสองเพศอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร กลับส่งผลดีในหลายๆ เรื่อง เช่นการทำงานกลุ่ม ความสะดวกในการไปมาหาสู่ระหว่างเพื่อน หรือถ้าจะมีใครใช้ในจุดประสงค์ “อย่างว่า” มันก็เป็นสิทธิของเขาไม่ใช่หรือครับ อย่างน้อยก็โตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองกันได้แล้ว ถ้าจะเถียงว่าพวกเรายังรับผิดชอบตัวเองกันไม่ได้ ประเทศนี้ก็คงจะน่าเป็นห่วงมากทีเดียวที่ปล่อยให้เด็กที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้มีสิทธิเลือกตั้ง

            ผมยอมรับครับว่าบางครั้งการเปิดหอพักให้เป็นอิสระ ปราศจากการแบ่งแยกใดๆ นั้นอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อน “วัยอันควร” ของเหล่านักศึกษาได้ แต่ก็ไม่มีทฤษฎีไหนรองรับได้ชัดเจนนี่ครับว่าการไม่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะสรรค์สร้างชีวิตที่มีคุณค่าได้ มีเพียงความเชื่อเก่าๆ เท่านั้นที่เชื่อว่าความบริสุทธิ์นั้นดูจากลักษณะทางกายภาพ

            นอกจากนี้ หากจะบอกว่าการปล่อยให้วัยรุ่นไปมีอะไรกันนั้นจะทำให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท้องในวัยเรียน ทำแท้ง ฯลฯ ล่ะก็ ผมขอถามต่อว่าหากการมีเพศสัมพันธ์ของพวกเขานั้นปลอดภัย มีการป้องกันเป็นอย่างดีและไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ แน่นอน วาทกรรมดังกล่าวจะถูกลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ลงหรือไม่... ซึ่งคำตอบก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแนวคิดดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาสังคมเหล่านั้น (ท้องในวัยเรียน, ทำแท้ง) แต่มีไว้เพื่อห้ามเด็กๆ ไม่ให้ทำในสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับเสียมากกว่า

            สำหรับผมแล้วอาจพูดได้ว่า การแยกหอพักชายหญิงนั้นไม่จำเป็นเลยครับ ไม่จำเป็นในทุกๆ ด้าน ถ้าจะบอกว่ามันช่วยเรื่องการลดความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นนั้นก็ยังดูเหมือนเจ้าของแนวคิดยังมองอะไรไม่รอบด้าน

            ถ้าคนมันคิดจะทำเสียอย่าง ที่ไหนก็ได้ครับ

            ถ้าหากวัยรุ่นอย่างเราถูกพร่ำบอกว่าโตแล้ว ควรมีความรับผิดชอบได้แล้ว ก็ไม่ควรจะถูกบงการในเรื่องที่สมควรจะรับผิดชอบด้วยตัวเองได้เช่นกัน ว่าไหมครับ



ความคิดเห็นที่  10

พยายามทำใจเป็นกลางเมื่ออ่านข้อความนี้....อยากจะแชร์สักเล็กน้อย....บางคนพอพ้นจากเดินเตาะแตะ...ก็อวดเก่ง...อวดรู้....(ทำไมผู้ใหญ่ถึงรู้ว่า..เอากล้วยนำว้าให้ทารกกินแล้วปลอดภัย...ทำไมสมุนไพรตัวนี้...ถึงรักษาโรคนี้ได้...เหล่านี้คือภูมิปัญญา/ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายช่วงชีวิตของใคร...ของผู้ใหญ่หรือเปล่า)
ฉันเคยเป็นเด็กมาก่อน......ถึงมาเป็นผู้ใหญ่ได้.....แล้วคุณล่ะ...ยังไม่เคยเป็นผู้ใหญ่เลย...แล้วคุณมาตีค่าความห่วงใย...ความปราศนาดีของผู้ใหญ่...แค่ว่าการปิดกั้นมิให้พวกคุณมี Sex เท่านั้นหรือ ,เป็นกลุ่มครำครึ...ไม่เข้าใจเด็ก....ผู้ใหญ่ห้ามไม่ให้มีSex ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เวลาท้อง....ก็ต้องไปให้ผู้ใหญ่ทำแท้ง....วัยรุ่นทำเองได้รึเปล่า....อยากให้ทบทวนความคิด....แล้วคิดบวกให้มากกว่านี้....ผู้ใหญ่ทุกคนรักลูกห่วงหลานทั้งนั้น???

คนๆหนึ่งที่ห่วงเยาวชน   (3 พฤศจิกายน 2555  เวลา 18:40:30)

ความคิดเห็นที่  9

บางครั้งก็อยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคนด้วย อยู่หอพักรวมถ้าจิตสำนึกดี ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าจิตสำนึกไม่ดี จับแยกยังไง ก็มีอะไรจนได้

มีนา ส่งสันติสุข   (5 เมษายน 2555  เวลา 19:38:03)

ความคิดเห็นที่  8

ก็ดีเเล้วที่เเยกห้องกันอยู่เพราะจะไม่มีอะไรมาคอยจ้องมอง  เเละไม่มีโอกาสการตั้งครร

หวังดี   (8 มีนาคม 2555  เวลา 15:11:56)

ความคิดเห็นที่  7

แยกหอ หญิง-ชาย ดีกว่านะคะ
เพื่อความปลอดภัยกับทุกฝ่าย
วันดีคืนดี อาจมีปันหาก้อด้าย นะคะ

เส้นเล็กน้ำใส   (1 พฤศจิกายน 2554  เวลา 16:09:38)

ความคิดเห็นที่  6

ผมเคยมีแฟนยู่หอแยก ช/ญ มา3คน2คนแม้แยก ช/ญผมก็ใช่คำว่าแอบดีกว่าแต่ก็ไม่ว่าไรขึ้นได้สะบายแต่อีกคนยู่หอในมอแอบยากแต่ก็เข้าแต่ห้ามโดนจับได้ต้องย้ายเพราะเปนหอในไม่ยากที่จะทำกันเปนเรื่องปกติเลยคับ

GEORGE   (12 ตุลาคม 2554  เวลา 22:09:26)

ความคิดเห็นที่  5

เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนจะต้องพบเจอ เมื่อถึงช่วงหนึ่งของอายุ ที่ทุกคนจะต้องยอมรับ

ผู้มองแต่ความจริง   (14 สิงหาคม 2554  เวลา 00:14:53)

ความคิดเห็นที่  4

ให้แยกเพื่อการดูแลนะถูกแล้ว..หากปล่อยให้อยู่รวมกัน..นึกดูด้วยต้นทุกชีวิตที่ต่ำของเยาวชนไทย..การหักห้ามหรือควบคุมตนเอง...อาจพลาดได้....แบบกันไว้ก่อน

คนที่มีลูกสาว   (3 สิงหาคม 2554  เวลา 15:11:56)

ความคิดเห็นที่  3

เห็นด้วยนะ แต่อยากมองอีกมุมหนึ่งว่า..ถึงอย่างไรก็จำเป็นต้องแยกนะ ห่วงลูก.ปลอดภัยและเพื่อความสบายใจ
ดีกว่า  

suwanna   (3 สิงหาคม 2554  เวลา 13:13:38)

ความคิดเห็นที่  2

การอย่หอพักแยกเพศก็ดีแล้ว

amporn   (30 กรกฎาคม 2554  เวลา 12:07:49)

ความคิดเห็นที่  1

ลูกสาวกำลังเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่เมกา เทอมนี้
เขาบังคับให้ปี ๑ อยู่หอของมหาวิทยาลัย หอพักเขา เป็นหอรวม ไม่แยกชั้น แยกแค่ห้องน้ำชาย หญิง  แต่ห้องน้ำไม่มีประตู มีแค่ผ้าม่านกั้น

ประเด็นนี้น่าสนใจ ในความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยมั้ย

คุณกล้าอยู่หอพักแบบนี้มั้ย  คิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ
สำหรับผมมีแต่ทำใจอย่างเดียว  เข้าเมืองตาหลิวต้องหลิ่วตาตาม

ครูหนวด   (22 กรกฎาคม 2554  เวลา 22:51:15)