Loading ...

                ก่อนอื่นต้องขอไว้อาลัยให้กับเด็กๆ ที่เสียชีวิตในช่วงเดือนที่ผ่านมาด้วยสาเหตุความขัดแย้งทางการเมืองซึ่งเด็กๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ต้องสูญเสียชีวิตไปก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลทั้งสิ้น เราหวังว่าความขัดแย้งนี้จะยุติในเร็ววัน และไม่มีใครต้องสูญเสียชีวิตไปอีก และขอให้เราผ่านวิกฤตความขัดแย้งครั้งนี้ไปได้ด้วยดี

                     ..............................................................

                สำหรับบทความในรอบนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเป็น “หญิงรักหญิง” ซึ่งข้อแนะนำจะคล้ายๆ กับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นกะเทยที่เคยเสนอไปแล้ว (ปฏิบัติการ 15 ข้อ สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นกะเทย) แต่มีข้อแนะนำปลีกย่อยบางประการที่แตกต่างออกไปในรายละเอียด

                ขอให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็น “ทอม ดี้ หญิงรักหญิง” เก็บข้อแนะนำ 16 ข้อนี้ไว้พิจารณา เพื่อท่านจะได้เข้าใจลูกหลานของท่านมากขึ้น และไม่ทำร้ายเขาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

          1. รักเขาให้เต็มเปี่ยมในฐานะที่เขาเป็นลูกของเรา

          2. อย่ารู้สึกอับอายไม่ว่าลูกจะเป็นทอมดี้ หรือหญิงรักหญิง และอย่ารู้สึกอับอายที่ลูกรักเพศเดียวกัน

          3. จงภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็น

          4. หากยังไม่สามารถภูมิใจในตัวเขา ก็ควรเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจในตัวเขา

ภาพใบปิดภาพยนตร์เรื่อง Tomboy

          5. เด็กที่มีแนวโน้มว่าอาจสนใจเพศเดียวกันและแสดงบุคลิกแบบ “ทอม” อาจสังเกตได้จากการที่เขามีความสุขที่ได้ไว้ผมสั้น มีความสุขที่ได้แสดงออกและแต่งตัวแบบผู้ชาย ชอบหรืออยากเป็นแฟนกับเพื่อนผู้หญิงที่มีลักษณะเป็นผู้หญิงมากกว่าตนเอง ชอบสวมกางเกงมากกว่ากระโปรง ชอบเล่นเกมกีฬาแบบผู้ชาย พ่อแม่ควรเข้าใจกับพฤติกรรมของลูก เพียงเฝ้าดูเขา พูดคุยกับเขา เข้าใจความรู้สึก ความคิดและความเป็นตัวตนของเขา ไม่เข้าไปแทรกแซงขัดขวางสิ่งที่เป็นตัวตนของเขา อย่าใช้ความรุนแรงเพื่อบังคับลูกให้เป็นผู้หญิงในทุกวิถีทาง เช่น บังคับให้สวมกระโปรง บังคับให้แต่งตัวเป็นผู้หญิง บังคับให้ไว้ผมยาว พยายามศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน  และยอมรับว่าธรรมชาติของเด็กมีหลากหลายรูปแบบ           

              เราไม่อาจตีกรอบเด็กให้เป็นไปในแบบที่เราต้องการได้ ในฐานะผู้ปกครองคุณเพียงเฝ้าดูพวกเขา ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิด แต่สุดท้ายควรให้เขาค้นหา และตัดสินใจด้วยตนเองว่าเขาอยากจะเป็นอะไร หากแต่คุณคิดจะเปลี่ยนเขาให้เป็นผู้หญิงก็ถือเป็นการทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของเขาอย่างมากมายมหาศาล

ภาพจากเพจ สมาคมทอมดี้ เลสเบี้ยน ไบท์ แห่งประเทศไทย

          6. หากลูกสาว หลานสาวของคุณเริ่มแสดงบุคลิกในแบบผู้ชาย คุณอาจจะเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจจนอยากจะถามเขาตรงๆ ว่า “ทำไมชอบทำตัวเป็นผู้ชายแบบนี้” “เป็นผู้หญิงก็ดีอยู่แล้วไม่ชอบหรือไง” “เป็นอะไรขึ้นมาถึงอยากเป็นทอม”  ฯลฯ  ขอให้คุณตระหนักรู้อย่างปกติธรรมดาว่าเขาอาจจะมีแนวโน้มสนใจในเพศเดียวกัน และชอบแสดงออกว่าตนเองไม่ต้องการแต่งตัวหรือแสดงออกแบบผู้หญิง เขาอาจกำลังค้นหาตัวเอง หรือลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่เหมาะกับตัวเองผ่านการแสดงออกทางบุคลิกภาพ เครื่องแต่งกาย หากคุณตั้งคำถามที่แสดงถึงการมีอคติต่อบุคลิกข้ามเพศของเขาอาจทำให้เขารู้สึกตกใจเพราะรู้สึกว่าความเป็นตัวตนของเขาถูกปฏิเสธ ไม่ได้รับการยอมรับจากคุณ เขาจะเริ่มรู้สึกว่าคุณไม่รักเขา ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณกับเขาเลย และจะมีผลกับการเคารพตัวเองของเขา ทำให้เขารู้สึกเป็นลบกับสิ่งที่ตัวเองเป็น

              สิ่งที่คุณควรทำคือการหาข้อมูล ทำความเข้าใจ สนใจ และใส่ใจกับความรู้สึกความต้องการของเขา  ทำให้เขาไว้วางใจที่จะพูดคุยปรึกษากับคุณในเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ  คุณอาจจะคอยเป็นกำลังใจให้เขา ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติกับลูกหลานที่เป็นชายหญิงทั่วไป และพร้อมจะเข้าใจว่าเขาอาจต้องเผชิญกับความกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับตัวตนของเขามากกว่าเด็กที่รักต่างเพศ หรือเด็กที่มีบุคลิกที่เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง แทนที่จะติดขัดอยู่กับบุคลิกที่ดูเป็นทอมของเขา  สิ่งที่คุณควรจะให้ความเอาใจใส่มากกว่าก็คือให้เขาเป็นตัวของตัวเองและสามารถพึ่งพิงตัวเองได้ หรือสิ่งที่คุณควรจะคาดหวังในตัวเขาคือขอให้เขาเป็นบุคคลที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นอันเป็นคุณธรรมภายใน

ภาพจากภายพนตร์ Yes or No

          7. เด็กที่แสดงอัตลักษณ์ “ทอม” แต่ละคนอาจจะไม่ได้แสดงออกเหมือนกันในแต่ละช่วงวัย เด็กบางคนอาจแสดงบุคลิกลักษณะที่ดูเป็นทอมตั้งแต่เข้าเรียน ป.1  บางคนเปลี่ยนแปลงเมื่อขึ้นชั้น ม.ต้น  ม.ปลาย  ปวช. หรือเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น การยอมรับตัวเอง การยอมรับของครอบครัว การยอมรับภายในห้องเรียนหรือโรงเรียน การยอมรับของเพื่อน กฎระเบียบต่างๆ ของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ความมั่นใจในตนเอง มุมมองต่อตนเอง บรรยากาศและสถานการณ์รอบๆ ตัว เพียงแค่คุณไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของเขาแค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว

ภาพจาก  http://finfinteen.blogspot.com

          8. อย่าบังคับหรือจับลูกให้แต่งงาน เพื่อให้เขาเลิกเป็น “ทอม” เพราะไม่ใช่หนทางของการแก้ไขปัญหา มีแต่จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น เหมือนคุณไม่ชอบทำอะไรแต่ถูกบังคับให้ทำสิ่งนั้น คุณก็จะรู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน

          9. พึงระลึกไว้เสมอว่าหากคนในบ้านไม่สามารถยอมรับเขา เขาจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อบ้านเป็นสถานที่ที่เขาอยู่แล้วควรมีความสุขมากที่สุด

          10. ไม่พาลูกไปพบจิตแพทย์เพื่อบำบัดรักษาหรือพาไปรดน้ำมนต์ เพราะการเป็นหญิงรักหญิง “ไม่ใช่โรค” “ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิต” “ไม่ใช่ผีสิง” และไม่ได้เกิดจาก “กรรมเก่าจากอดีตชาติ”

          11.ข้อแตกต่างระหว่างความเป็น “ทอม-ดี้” กับ “หญิงรักหญิง”

                คู่รักที่เป็น “ทอม-ดี้” ฝ่ายหนึ่งชอบที่จะแสดงออกหรือมีบุคลิกแบบผู้ชาย อีกฝ่ายหนึ่งมีบุคลิกลักษณะตรงข้ามกับฝ่ายแรก คือมีบุคลิกลักษณะของความเป็นผู้หญิง เรียกว่า “ดี้”  แต่ลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะที่ไม่ตายตัวเสมอไป

                 สำหรับคู่ “หญิงรักหญิง” จะแตกต่างจาก “ทอม-ดี้” ในแง่ที่พวกเธอไม่ได้นิยามตนเองว่าจะต้องแสดงอัตลักษณ์ หรือแบ่งบทบาทกันชัดเจนว่าใครมีลักษณะเป็น “ชายหรือหญิงเหมือน “ทอมกับดี้”

                 “หญิงรักหญิง” โดยทั่วไปเป็นคำรวมๆ ใช้เรียก “ผู้หญิงที่ชอบเพศเดียวกัน” โดยไม่เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องมีอัตลักษณ์ทางเพศแบบใด บางคู่อาจมีอัตลักษณ์แบบ “ผู้หญิง” ทั้งคู่ หรือบางคู่อาจจะมีลักษณะการแสดงออกที่อีกฝ่ายหนึ่งมีความเป็นชายมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้โดยไม่ได้นิยามตนเองว่าเป็นคู่ทอมดี้ หรือบางคู่อาจจะมีอัตลักษณ์ดูเป็นชายเหมือน ๆ กัน แต่ไม่ได้นิยามตนเองว่าเป็นทอมก็ได้

                 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงลักษณะแตกต่างของรูปแบบความรัก อาจจะมีรูปแบบอื่น ๆ มากกว่านี้ ข้อแนะนำนี้เพียงต้องการนำเสนอให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จักรูปแบบต่าง ๆ ของหญิงรักหญิง เพื่อจะได้ไม่เกิดความสงสัยว่าลูกฉันไม่ได้เป็นทอมแต่ทำไมชอบผู้หญิงด้วยกัน ? ลูกฉันดูเป็นผู้หญิงแต่ทำไมชอบผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ชาย ทำไมไม่ชอบผู้ชายไปเสียเลย ?  ทำไมลูกฉันเป็นทอมชอบทอม ?  ทำไมลูกฉันเป็นดี้ชอบดี้ ? 

                 ถ้าหากคุณสามารถเข้าใจบุคลิกและความสัมพันธ์ที่หลากหลายเช่นนี้ คุณก็จะไม่สับสนไปกับรูปแบบความสัมพันธ์ของพวกเขา และเกิดความเข้าใจในตัวเขา

          12. แม้จะปรากฏว่าบางคนตอนเป็นวัยรุ่นดูเป็นทอม มีแฟนเป็นผู้หญิง แต่เมื่อโตขึ้นมีสามี มีลูก นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทอมเปลี่ยนเป็นหญิงได้ด้วยการแต่งงาน หากการเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากการเลือกหรือความต้องการของตัวเขาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความหมายที่ว่า “อัตลักษณ์ทางเพศของคนเราเป็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงและเลื่อนไหลไปมาไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่”

               ทอมบางคนอาจเปลี่ยนไปเป็นดี้ ดี้บางคนอาจเปลี่ยนเป็นทอม ทอมบางคนอาจเปลี่ยนไปชอบผู้ชายในวันหนึ่งก็ได้เมื่อความคิดเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศของเขาเปลี่ยนแปลงไป การมีเพศภาวะที่เลื่อนไหลไปมาท่ามกลางความเป็นทอม ดี้ หญิงรักหญิง หรือหญิงรักชาย จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือบางคนอาจรู้สึกว่าตนเองต้องการแปลงเพศเป็นผู้ชายไปเลยก็สามารถเป็นไปได้เพราะ “เพศเป็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงและเลื่อนไหลไปมาไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่”

          13. อย่าโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี การเป็นทอมหรือการรักเพศเดียวกันของลูกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่พ่อแม่หย่าร้าง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการแสดงบทบาทพ่อแม่ที่ไม่สมบูรณ์ แต่เกี่ยวข้องกับอคติของสังคมที่ไม่ยอมรับทอม หรือไม่ยอมรับคนที่รักเพศเดียวกัน ส่งผลให้พ่อแม่คิดและเชื่อไปตามสังคมว่าโลกนี้มีแค่ผู้ชายกับผู้หญิงที่รักต่างเพศเท่านั้นเพศอื่นๆ ที่เกิดมาผิดหมดทำให้พ่อแม่รู้สึกไม่ภาคภูมิใจที่มีลูกเป็นทอม ดี้ หรือ หญิงรักหญิง

               ทางที่ดีคือหยุดโทษตัวเองแล้วหันมามองมุมใหม่ว่าเพศวิถีของมนุษย์มีความหลากหลาย ไม่ได้มีแค่ผู้ชายกับผู้หญิงที่รักต่างเพศเท่านั้น ไม่มีใครผิดที่เกิดมาเป็นหญิงรักหญิง ไม่มีใครผิดที่เกิดมารักเพศเดียวกัน มีเพียงความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศเท่านั้นที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วหันมายอมรับลูกที่รักเพศเดียวกัน

          14. ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ควรศึกษาเรียนรู้ว่า ค่านิยมเรื่องเพศในสังคมไทยที่ยึดถือกันอยู่เป็นค่านิยมที่ให้คุณค่ากับ  “การรักต่างเพศและมีเพศสัมพันธ์เพื่อการมีบุตรเท่านั้น” จึงส่งผลให้คนที่มี “อัตลักษณ์ทางเพศ” หรือ มี “ความพึงพอใจในเพศเดียวกัน” ไม่ได้รับการยอมรับ

               ระบบวิธีคิดแบบ “สังคมรักต่างเพศ” ก็คือ  เราเชื่อว่าคนทุกคนเกิดมาจะต้องรู้สึกชอบหรือมีความพึงพอใจในเพศตรงกันข้ามเท่านั้น มีการให้คุณค่ากับ “รักต่างเพศ” ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ศาสนา การเมือง หรือสถาบันครอบครัวมีการมุ่งเน้นสนับสนุนให้คนมีพฤติกรรมรักเพศตรงข้ามทั้งสิ้น แล้วปฏิเสธคุณค่าของ “รักเพศเดียวกัน” โดยมองว่ารักเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เป็นไปไม่ได้ เป็นความผิดปกติ ไม่ควรยอมรับ ทำให้คนที่เกิดมารักเพศเดียวกันรู้สึกด้อยค่าในตนเอง

               ดังนั้น พ่อแม่ควรเปลี่ยนความเข้าใจเสียใหม่ ละทิ้งความคิดความเชื่อที่ว่า “รักต่างเพศ คือความถูกต้อง” ไปเสีย  เพราะวิธีคิดเช่นนี้ทำให้ท่านไม่อาจเข้าใจลูกของท่านได้ การที่พ่อแม่ไม่เข้าใจลูกที่รักเพศเดียวกันมีที่มาจากวิธีคิดแบบรักต่างเพศที่พ่อแม่รับมาจากสังคมนั่นเอง หากพ่อแม่ละทิ้งความคิดความเชื่อดังกล่าวแล้วมองความเป็นทอมดี้-หญิงรักหญิงของลูกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ลูกจะเป็นอะไรก็ได้ เรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดคือความรักที่มีให้กับลูกไม่ว่าลูกจะรักเพศไหน  สิ่งนี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้ว่าคุณไม่ต้องไปเปลี่ยนเขา แต่อยู่ที่คุณเปลี่ยนมุมมองแค่นั้นเอง

          15. หยุดมองว่าลูกเกิดมามีกรรม การมองเช่นนี้รังแต่จะทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นลบต่อลูก และยิ่งทำให้ลูกรู้สึกเป็นลบกับตัวเอง ควรมองมุมใหม่ว่าผู้คนบนโลกใบนี้เกิดมามีความแตกต่างหลากหลาย และความแตกต่างหลากหลายนั่นแหละคือสิ่งที่สวยงามที่สุด ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตของคนหนึ่งไปเปรียบเทียบกับชีวิตของอีกคนหนึ่ง ทุกคนควรเป็นตัวของตัวเองและภาคภูมิใจในตัวเองไม่ว่าตัวเองจะเกิดมาเป็นอะไรโดยไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตคนอื่นมาเปรียบเทียบ

          16. หาความรู้ความเข้าใจจากองค์กรหญิงรักหญิงโดยตรงหรือองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ จะทำให้ท่านเข้าใจลูกทอมดี้ หญิงรักหญิงของท่านมากขึ้น ดังต่อไปนี้

               - สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย (www.rsat.info)  โทร. 09-0648-7407

               - มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ (www.forsogi.org)

               - มูลนิธิอัญจารี (anjareefoundation.wordpress.com)



ความคิดเห็นที่  44

ของเราพ่อแม่ก็รับไม่ได้
ทำไมคนบนโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจความรักแบบของฉันเลย ( เพศที่สาม ทอม-ดี้ ) มีแต่คนมองมันแค่เรื่องไร้สาระแต่สำหรับเราแล้วมันเหมือนความรักแบบคนทั่วไปแต่ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจแม้แต่พ่อแม่ญาติพี่น้องไม่มีเข้าใจเราเลยสักคนน้อยคนที่จะเข้าใจ บางครั้งเราแอบน้อยใจที่ไม่เคยมีใครเข้าใจเราเลยความรักมันขึ้นอยู่ที่คนสองคนไม่ใช่หรอแล้วทำไมต้องตัดสินคนที่แค่เรื่องเพศที่จริงมันไม่เกี่ยวกับเพศเลยความรักอยู่กับความเข้าใจต่างหากแต่ไม่เป็นไรหรอกแล้วแต่ใครจะคิดอย่างไรตัดสินอย่างไรมองอย่างไรเราจะใช้ชีวิตในสิ่งที่เราเป็น เพศที่สามก็คนเหมือนกันมีหัวใจเหมือนกันแล้วทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจสักคน เฮ้ยยยย... บางทีก็เหนื่อยที่จะอธิบายให้บางคนเข้าใจบางทีก็ท้อนะที่ไม่มีใครเข้าใจเพศที่ สาม เลยเราไม่ยอมแพ้หรอกเราจะทำให้บางคนที่ดูถูกเพศที่สาม ว่า " มึงรักกันไม่ได้นานหรอก ความรักของพวกมึงมันไร้สาระไม่มีวันเป็นจริงหรอก "
เราจะทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องไร้สาระแต่มันเป็นความรู้สึกที่เรามีให้กันล้วนๆ มันคือความรักความรักมันไม่ได้จำกัดเพศหรอกนะมันอยู่ที่ใจใช่ที่เพศเพศไหนก็รักกันได้ เราขอบคุณคนที่เข้าใจเพศของเรานะถึงแม้ว่าใครจะคิดยังไงจะรังเกียจยังไงจะว่าอะไรตอนนี้เราไม่สนใจหรอกเพราะพวกเรารักกันที่ใจไม่ใช่ที่เพศ #มีไม่กี่คนหรอกที่เข้าใจความรักของเรา
#ทำไมต้องห้ามรักกันความเหมาะสมนั้นหรือที่ยืนยาว
#เราเป็นผู้หญิงที่ชอบทอมนะ
#ความคิดส่วนบุคคล #โสด ʕ•ε•ʔ

ฮานึล #นามแฝง   (11 พฤษภาคม 2562  เวลา 12:45:13)

ความคิดเห็นที่  43

เคยบอกท่านน้ะ บอกมา4-5ปีแล้ว
แต่ไม่เคยยอมรับในสิ่งที่หนูเป็น
หนูควรทำยังไงดีค่ะ??😂😂

ฟองเบียร์   (22 ตุลาคม 2561  เวลา 18:33:42)

ความคิดเห็นที่  42

ขอบคุณครับ

kit   (7 ตุลาคม 2560  เวลา 16:22:18)

ความคิดเห็นที่  41

หนูเป็นทอมนะคะแต่หนูไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลยแล้วหนูก็มีแฟนแต่ต้องแอบคบเพราะว่าพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าหนูเป็นทอม หนูควรทำอย่างไรดีค่ะ

โม   (10 กรกฎาคม 2560  เวลา 21:54:56)

ความคิดเห็นที่  40

นั่งสมาธิ  ปฏิบัติธรรม  เผื่อจะได้รู้และหยุดคิด  ชีวิตอาจจะปลดล็อคค่ะ

อยากช่วย   (12 มีนาคม 2560  เวลา 00:00:52)

ความคิดเห็นที่  39

ควรจะบอกพวกท่านว่าไงดี กลัวเขารับไม่ได้

saniporn namwonglue   (13 กุมภาพันธ์ 2560  เวลา 22:16:03)

ความคิดเห็นที่  38

หนูต้องทำยังไงดีละค้ะ..แรกๆแม่ไม่ชอบ ตายายยิ่งไม่ชอบใหญ่เลย พอเราคบกับไปสักพักแม่เห็นว่าเค้าดี เริ่มจะโอเค และวันนึง เราทะเลาะกันหนักมาก แฟนด่าเราว่าควาย คำเดียว แม่เห็นในเฟส แม่บอกเลยแม่รับไม่ได้ และแม่ก้เกลียดเขาไปแล้ว ตอนนี้ก้11เดือนกว่า 😢 มีใครสามารถให้ข้อคิดดีๆบ้าง แม่เกลียดเค้าไปแล้วซึ่งเราไม่อยากทิ้งใครเลย

katty    (18 ตุลาคม 2559  เวลา 22:19:51)

ความคิดเห็นที่  37

ตอนนี้ผมกับแฟนจะทำกิ้บกันครับ

fresh   (11 ตุลาคม 2559  เวลา 14:02:28)

ความคิดเห็นที่  36

โอ๊ยยยยย ตัดผมทีไรมีปัญหาทุกที😩

ป๊อปสุดสวย   (25 กรกฎาคม 2559  เวลา 10:42:13)

ความคิดเห็นที่  35

เพิ่อนเป็นทอมแต่โดนสาวหลอกตลอด http://www.herb2016.blogspot.com

yui   (6 กรกฎาคม 2559  เวลา 14:24:09)

ความคิดเห็นที่  34

ทำไงดีพ่อแม่ไม่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นจบม.6แล้วอยากตัดผมสั้ยอยากให้พ่อแม่ยอมรับว่าเป็นทอมพ่อแม่จับได้หลายครั้งแล้วว่าคบกับผู้หญิงด้วยกันแต่ก้ไม่เคยรับได้และเข้าใจสักทีพ่อแม่บอกว่าเกลียดทอมบ้างไม่ชอบทอมบ้างไปไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มต้นให้พ่อแม่ยอมรับยังไง

......   (8 มีนาคม 2559  เวลา 20:32:51)

ความคิดเห็นที่  33

เราเป็นคนนึงที่ทางบ้านไม่ยอมรับ เราคบกับแฟนที่เป็นทอมมา6ปีกว่าแล้วเราเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนก่อนทำความรู้จักนิสัยใจคอมาสักพักใหญ่ๆ ต่างคนต่างรู้สึกดีคุยกันมานสนกว่าที่จะตอบตกลงเป็นแฟนเราคบกันมาไม่ได้บอกทางฝ่ายผู้ใหญ่เพราะถ้าหากบอกไปท่านจะรับไม่ได้ และซึ่งวันนึงที่ท่านรู้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆคือท่านรับไม่ได้มากๆเราเข้าใจความรู้สึกหัวอกความเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาก็อยากให้มีครอบครัวแต่งงานตามแบบทั่วไป แต่ถ้าหากผลไม่ได้เป็นแบบที่ท่านต้องการท่านก็จะไม่เปิดใจรับสิ่งที่ลูกเป็นเลย คนเราสามารถเปลี่ยนกันได้หากวันนึงลูกเจอคนที่ดี หรือเจอเนื้อคู่ ถ้าลูกแต่งงานมีครอบครัวพ่อแม่ก็จะได้ภูมิใจแต่ถ้านั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ เราไม่ได้มองในแง่ลบแต่ถ้าหากสิ่งที่พ่อแม่ต้องการเกิดไม่ใช่ดั่งที่หวังถ้าลูกแต่งงานแต่ได้ครอบครัวที่ไม่สมหวังพ่อแม่จะมีความสุขหรือไม่ เราก็ไม่ได้อยากทำให้ท่านทุกข์ใจเพียงแต่ถ้าเราเป็นแบบนี้แล้วท่านจะไม่สามารถยอมรับได้เลยเพราะการเป็นแบบนี้ถือว่าผิดธรรมชาติเกิดมามีกรรม แต่เราไม่เคยทำให้ท่านเสียใจเลยสักครั้งตั้งใจเรียนมาโดยตลอด มีแต่เรื่องเดียวที่ท่านยังไม่สามารถยอมรับการเป็นแบบนี้ได้

Unconditionary Love   (15 กุมภาพันธ์ 2559  เวลา 15:42:13)

ความคิดเห็นที่  32

หนูจะทำยังไงดีคะ
ตอนนี้หนูคบทอมมาหลายคนแล้ว แม่ก็รับไม่ได้แม่ก็บอกว่ามันไม่ดีผิดธรรมชาติทอมมันไม่ดีหรอกบางทีมันรักเรา
จิงมันอาจจะทำร้ายเราได้หนูก็เข้าใจนะว่าที่ท่านบอกเพราะท่านเป็นห่วง หนูจะไปไหนกับแฟนก็ไม่ให้ไปมันไม่มีความสุขเลยนะที่เป็นแบบนี้ หนูควรทำไงดีคะ

ดี้   (17 มกราคม 2559  เวลา 11:54:46)

ความคิดเห็นที่  31

หนูเริ่มมีแฟนตอนม.4คบทอมตั้งแต่แรกและแม่กับยายไม่ยอมรับหนูเครียดหนักมากจนคิดจะฆ่าตัวตายจนทุกวันนี้ก็ยิ่งคิดหนักอีกอยากไห้แม่เข้าใจหนูมากกว่านี้

หนูนา   (3 มกราคม 2559  เวลา 14:38:46)

ความคิดเห็นที่  30

ใครเป็น ห้ามบอกพ่อกับแม่เด็ดขาด
บอกไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ส่วนใหญ่พ่อแม่จะรับไม่ได้และรู้สึกแย่มากๆๆๆ
ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ ไม่มีปัญหาตามมา คุณก็ต้องแค่พูดโดยวางแผนมาแล้ว จะคบแฟนก็บอกว่าเพื่อนจะดีกว่า
เวลาย้ายอยู่กับแฟนก็หาข้ออ้างที่ฟังขึ้น แค่นั้น

ttttuuuu   (26 พฤศจิกายน 2558  เวลา 00:56:49)

ความคิดเห็นที่  29

เรื่องจริงเลย แต่พ่อแม่เค้าจะทำใจได้ไหมนะ

คนฟรุ้งฟริ้ง   (30 ตุลาคม 2558  เวลา 18:10:30)

ความคิดเห็นที่  28

      เราเปง ดี้ คบกะแฟนทอมยุคนนึง  ตอนแรก เรากะเขาคบกันดีมีความสุขมากถึงแม้ว่าพ่อแม่เขาจะไม่รับรู้ก้อตาม  แต่มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้พ่อแม่เขารู้ว่าเรากะลูกเขาคบกัน  ซึ่งเขาก้อรับไม่ได้ เพราะพ่อแม่เปงคนหัวโบราณ + ฝังใจ  กับเรื่องที่ว่า  แฟนเราเคยโดนผู้หญิงหลอกจนหมดตัว  พ่อแม่เขาไม่ชอบให้แฟนเราคบกะผู้หญิง  ซึ่งทำทุกวิถีทางกรีดกั้นเรา  แต่ด้วยตอนนั้นแฟนเราป่วย  แฟนเราอยากให้มายุด้วย  พ่อแม่ก้อเหมือนจะรับได้  ยอมให้มายุด้วยกัน  แต่ทุกกิริยาท่าทาง  เรารู้เราสัมผัสได้ว่าพวกเขาไม่ชอบเรา  กดดันเราทุกทาง  จนเราคิดจะออกมาจากชีวิตแฟนเราหลายต่อหลายครั้ง  แต่ด้วยความรัก  แระอยากให้พ่อแม่รุว่าเราซื่อสัตย์แระจิงใจต่อลูกเขา  เราจึงยุกะแฟนจนถึงทุกวันนี้  แต่เรารู้สึกเก็บกดมาก  จะทำอะรัย ก้อมีแต่สายตาจับจ้อง  เหนื่อยนร่ะแระท้อมากด้วย  กับการที่ต้องยุในสภาพแบบนี้  แฟนเราเคยบอกพ่อกะแม่นร่ะว่า  พ่อกะแม่ไม่ยอมรับเรากะแฟนที่เราเปงทอมดี้กันอย่างนี้  แต่พ่อแม่กับบอกว่า  ถ้ารับไม่ได้เราคงไม่ได้ยุที่นี่หรอก  เขาให้ล้มเลิกความคิดนี้  แต่ทุกการกระทำ  เรารู้งัยว่าเขารับได้รึไม่ได้  เขาทำทุกทางเพื่อกรีดกันไม่ให้เรากะแฟนได้ยุด้วยกัน  ขนาดจะไปส่งที่ทำงานเขายังไม่ให้เราไปส่งเรย  คงจะกัวที่ทำงานของแฟนรู้ว่าเราคบกัน  มีหลายเหตุการณ์มากที่ทำให้รู้สึกอึดอันแระรู้สึกท้อ  จนจะทำให้เราอยากจะเลิกกะแฟนให้รู้แร้วรู้รอดกันไปเรย  แต่ถึงยังงัยก้อเถอะจะอดทนแระยุกะแฟนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้  

เรื่องราวชีวิตของเด็กดื้อคนนึง   (27 กรกฎาคม 2558  เวลา 15:54:58)

ความคิดเห็นที่  27

เราชอบผู้หญิงนะ ชอบมาอยากใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ แม่รับไม่ได้ที่เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้เราจึงทำแกล้งทำเป็นเฉยๆไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิง เรารู้สึกอึดอัดอ่ะ

ไท่หลาง   (15 กรกฎาคม 2558  เวลา 11:59:41)

ความคิดเห็นที่  26

เราเป็นทอม ดีใจนะครอครัวเรารับได้ คนอื่นถามแม่ว่า มีลูกเป็นทอม รับได้หรอ แม่บอกถึงจะเป็นทอมก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร ขอให้เป็นคนดี ก็พอ ทุกวันนี้ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองรอดแม่ก็ภูมิใจแล้ว

พฤทธิพร   (30 มิถุนายน 2558  เวลา 14:54:11)

ความคิดเห็นที่  25

เราก็เป็นดี้นะ คบกับแฟนที่เป็นทอมมาได้สักพักล่ะ ผ่านอะไรมาเยอะจนรักกันมา อยากบอกพ่อแม่เหมือนกัน ก็กลัวเขาจะไม่ยอมรับ เขาเป็นอิสลามด้วย คิดว่าเรียนจบมีงานทำด้วยกันทั้งคู่ แล้วจะบอก ก็อยากให้พวกเขายอมรับ แฟนเราก็ไม่อยากให้เรายึดติดแค่ตัวเขา ถ้าเจอคนที่เขาพร้อมและดีกว่าก็อยากให้เราไป แต่ทั้งเราทั้งคู่รักกันดี เราก็รู้ว่าเขาไม่อยากให้เราไป คุยกันเรื่องนี้กันทีไรร้องไห้ทุกที แต่ก็จะอยู่ด้วยกันให้ได้นานที่สุด

แฟนจิ๊เดีย   (31 พฤษภาคม 2558  เวลา 19:56:17)

ความคิดเห็นที่  24

แม่ไม่ชอบทอมมากๆเลยค่ะ แต่แม่ก็รู้ว่าคบทอมมาตลอด สิ่งหนึ่งที่แม่พูดกะเราเสมอๆคือ ถ้าจะมีแฟนก็หาที่เป็นผู้ชาย ได้ยินทุกครั้งก็เถียงกันทุกครั้งเลยค่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงให้แม่เปิดใจ

อึดอัด   (27 พฤษภาคม 2558  เวลา 21:49:41)

ความคิดเห็นที่  23

เราเป็นทอมน่ะ อยากตัดผม แต่แฟนบอกว่า ไม่ต้องตัดหรอก ชอบเร่นผม เขาไม่ให้รัดน่าอกเพราะเป็นห่วง อีกอย่างรับได้ทุกอย่าง เป็นที่ใจก้อพอแร้วว รักที่เป็นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เราก่ะว่าจะไปตัดให้สั้นๆอีกนิดดีไหม

พ่อรู้ว่าเป็นทอมน่ะ แต่แม่ไม่รู้ รู้แค่คบผู้หญิง จะบอกแม่ยังไงดี

นาทแฝง   (1 เมษายน 2558  เวลา 10:33:55)

ความคิดเห็นที่  22

ก็พยายามตั้งใจเรียน พยายามเป็นคนดี.
แต่แม่ก็บอกว่า รับไม่ได้ ถ้าจะเป็นทอม พอปีกกล้าขาแข็งจะไปไหนก็ไป
แล้วอย่ากลับมาอีก.
แต่แม่ก็ชอบทำเหมือนเรายังเป็นผู้หญิง.
ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้แม่ยอมรับ.

วรรณธนา   (21 มีนาคม 2558  เวลา 17:11:27)

ความคิดเห็นที่  21

เป็นทอมน่ะ คบกับแฟนใหม่ๆพ่อแม่เค้าก้อไม่ว่าอะไร พูดฝากฝังให้ดูแลลูกเค้าด้วย พอสักพักอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงาน ก็มาบังคับให้เลิก ทุกวันนี้ลูกเร้าบอกเค้าบอกว่าทรมานจิตใจมาก ....เราไม่รู้จะทำยังงัย ...ตอนนี้พ่อแม่เค้าก็หาว่าเราเล่นไสยศาสใส่ลูกเค้าอีก....ใครก้อได้ ช่วยที

อ้วน   (15 มีนาคม 2558  เวลา 14:29:30)

ความคิดเห็นที่  20

เราไม่กล้าบอกแม่

เมี๊ยวววว   (15 มีนาคม 2558  เวลา 11:49:42)

ความคิดเห็นที่  19

จะเล่าให้ฟังนะคะ ตั้งแต่เกิดมีแฟนมาแล้ว 3คนค่ะ คนแรกเป็นทอมพ่อกับแม่ไม่เคยยอมรับอาจเป็นเพราะพฤติกรรมเค้ามั้งคะ คนที่2แต่งงานด้วยอยู่ด้วยกัน3ปีแล้วก็เลิกกัน คนนี้ค่ะคนที่3เป็นทอมไม่เคยคิดเหมือนกันค่ะว่าจะมาถึงวันนี้ได้เพราะพ่อแม่แบนทอมมากเพราะอะไรไม่แน่ใจเป็นเรื่องปกติค่ะที่พ่อแม่อายุมากแล้วแกคงอยากมีหลาน แต่คนที่3นี้เค้าดูแลเราดีทุกอย่างทำให้พ่อกับแม่เห็นว่าเค้าพร้อมจะดูแลเราได้ ทุกวันนี้พ่อแม่ยอมรับแล้วค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่ค่ะทำให้ลูกได้มีวันนี้

priew za   (3 มีนาคม 2558  เวลา 13:37:27)

ความคิดเห็นที่  18

เราเคยถ้าแม่ว่าแม่ถ้าเป็นทอมแม่จะว่าไหมแม่ตอบว่าแม่ไม่ว่าหรอแม่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอดี
และแม่ก็บอกว่าถ้าถึงตอนแต่งงานก็หาเงินแต่งเอาเอง ขอบคุณนะแม่ที่ยอมรับกับนิสัยลูกคนนี้ได้

ปุ้ย   (22 กุมภาพันธ์ 2558  เวลา 19:01:44)

ความคิดเห็นที่  17

เราก็เคยถามแม่ว่าถ้าเราเป็นทอมแม่จะว่ามั๊ย แม่เราก็เลยบอกมาว่า แม่ไม่ว่าหรอกแต่ขอให้ลูก
เป็นคนดีก็พอไม่ว่ายังไงแม่ก็รักลูกเสมอ พอตอนนั้นเราอึ้งมาก
เพราะพี่เราก็มีแฟนเป็นทอม และก็ขอขอบคุณแม่มากๆที่ให้โอกาสเราได้เป็นตัวของตัวเอง

ตอมมี่   (18 กุมภาพันธ์ 2558  เวลา 16:16:36)

ความคิดเห็นที่  16

ตอนนี้เราอายุ 18 มีแฟนเป็นทอมอายุ 14
เราอยู่ม.6 แฟนอยู่ม.3 เราคบกันมาแค่4เดือนกว่าๆ แต่ก่อนหน้านั้นเรามีเป็นทอมมาก็ค่อนข้างเยอะอยู่ คนปัจจุบันไม่ใช่คนแรกและแน่นอน พ่อแม่ไไม่ยอมรับค่ะ ว่าเราบ้าง ชอบผช.ก็ดีแล้ว จะไปคบทำไม ทอมคบไปก็ไม่ดีหรอก ปกป้องเราไม่ได้  เรารู้ที่ท่านบอกเพราะท่านเป็นห่วง อยากให้เราคบผช. แต่ก็อยากจะบอกว่า ผช.แต่ละคนที่เราคบมา ไม่มีใครเป็นโล้เป็นพายเลย บางครั้งก็ชอบอวดฉลาด ข้ารู้ข้าเจ๋งข้าเก่ง บางทีก็สูบบุหรี่ ชกตอยตีรันฟันแทงและก็ชอบข่ม่เราด้วยบางที คิดว่าเราโง่บ้าง แต่เราเข้าใจความรู้สึกผช.นะ เพราะอยากจะดูดีเข้มแข็งในสายตาผญ. แต่คำพูดของมันบางที ก็ทำให้เราสะอึกอะ มันมองเราเหมือนของตาย ยังไงก็ต้องอยู่กับมัน ประมาณนั้น เราเลยค่อนข้างอคติกับผช.ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ตอนนี้เราคบทอมรุ่นน้องอยู่ แม่เรากับพ่อก็เริ่มเปิดใจนะ คือ เรารักใคร พ่อแม่ก็รักด้วย แถมแฟนเรามันเข้ากับพ่อแม่เราได้ดีด้วยไง แต่ไอ้พวกผช.ที่คบๆมา มันเข้ากับพ่อแม่เราไม่ได้สักเท่าไร เพราะพ่อแม่ค่อนข้างหวงเรา เพราะเป็นลูกสาวคนเดียว งแะเราหน้าตาก็ค่อนข้างดีด้วย(ไม่ได้ชมตัวเองแต่คนอื่นเค้าเพูดมา) เรามีความสุขที่ได้คบกับทอมนะ เพราะทอมค้าเขใจเราทุกอย่าง แคร์ความรู้สึก ดีทุกอย่างและถ้าให้เรากลับไปชอบผช. มันก็ได้นะ แต่เราไม่อินเลยอะ เราว่า ผช.เป็นเพศที่แข็งแกร่งและดูถูกเพศหญิง ทั้งที่ความจริง เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายเยอะแยะไป เรามีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ต้องแคร์ครหรอก เราคือสิ่งที่ถูกต้อง pp2kp :)

pp2kp.   (30 มกราคม 2558  เวลา 01:28:06)

ความคิดเห็นที่  15

ชอบเเต่งตัวเป็นผช ชอบผมผล ชอบไอดอลผช--
ไม่ได้เป็นทอม เป็นไบ-- แต่พ่อแม่คิดว่าเป็นทอม ออกตัวรับไม่ได้กันสุดๆ

แต่ที่เรารับไม่ได้เองคือ เขาพยายามยัดเยียดอะไรที่เป็นผญให้เรา--กระโปรง หมวก รองเท้า เสื้อผ้า คือมันไม่ใช่อ่ะ
เราชอบอะไรที่ดูคูลๆ เท่ๆ อินดี้ๆ ไม่ใช่ของกุ๊งกิ๊ง--- คือโอเค เวลาเห็นผญใส่มันก็น่ารักอ่ะ แต่ให้ใส่เองมันไม่ใช่ไง
ทีเกลียดที่สุดก็คือการที่เขามาย้ำว่าเราเป็นผญ-- บางทีเราก็พยายามลืมปะ(แล้วก็ลืมสำเร็จด้วย)มันทำให้เราเครียดมากจนแบบ

เออ เก็บตังแปลงเพสเลยดีไหมวะ แต่พอหาข้อมูลทีไรก็จะรู้สึกว่า เทคโนมันยังผ่าไม่ได้สมบูรณ์เท่าของหญิงข้ามเพศอ่ะ---

งั้นแปลงแค่ด้านบนกับเทคเทสโทโรนได้ไหม-- ก็มีปัญหาอีกว่าจะยิ่งรับไม่ได้หรือเปล่า

บางทีก็สงสัยนะ  ว่าเขารักเราแค่ไหน-- ถึงรับที่เราเป็นเราไม่ได้
(จากคนที่ไม่เชื่อเรื่องความรักระหว่างสายเลือด สำหรับเราก็แค่เรื่องที่มโนกันไปเอง)

กันต์   (25 ธันวาคม 2557  เวลา 11:15:11)

ความคิดเห็นที่  14

แต่พ่อกับแม่เราไม่ว่าไม่ด่าเรื่องที่เราคบทอมเลย

ตอนแรกๆที่พวกท่านรู้ท่านก็ถามนะไม่ชอบผู้ชายจริงๆหรือ

เราก็ตอบท่านไปตามตรง ท่านก็ไม่ได้ดุด่าว่าอะไร

แต่ท่านบอกว่าแม่ก็ไม่ได้ชอบให้ลูกสาวแม่คบทอมหรอกนะ

แต่เมื่อลูกตัดสินใจแล้วแม่ก็ยอมรับและแม่ก็ยังรักลูกเหมือนเดิม

เพราะยังไงลูกสาวแม่ก็ยังเป็นลูกสาวแม่เหมือนเดิม

Im'happy   (19 ธันวาคม 2557  เวลา 00:02:10)

ความคิดเห็นที่  13

แม่ไม่เข้าใจ หาว่าเราเป็นแบบนี้ผิดเพศผิดธรรมชาติบ้างแหละ เจอคำถามนี้ถึงกับพูดไม่ออกอึดอัดมากๆอยากเป็นตัวของตัวเองก็ไม่ได้เป็นเพราะไม่อยากทำให้ครอบครัวผิดหวัง แต่บอกแม่แล้วถึงจะเป็นก็ไม่ได้เป็นคนเลวหนูไม่ได้เผาบ้านคัยหนิ แต่แม่ก็มองว่าผิดแบบมนุษย์อยู่ดี ควรทำงัยดี อีกอย่างแม่บังคับให้คบ ผช

Toeihoytawd   (13 ธันวาคม 2557  เวลา 11:22:35)

ความคิดเห็นที่  12

 คือพ่อแม่เป็นที่ไม่ชอบทอมอยู่แล้ว เขาบอกว่าคบกับทอมไม่มีอนาคต ความรักผู้หญิงกับผู้หญิงมันไม่ยั่งยืน คบไปก็ไม่เจริญ เขาชอบบังคับให้เลิกกันแฟน แล้วเขายังชอบว่าแฟนหนูว่าแฟนหนูเป็นคนไม่ดีทั้งที่พ่อกับแม่ไม่เคยจะได้มาพูดมาคุยกับแฟนหนูไม่เคยที่จะมาสัมผัสอะไรหลายอย่างเหมือนหนู ทุกวันนี้ต้องคบกับแฟนแบบหลบๆซ่อนๆ ควรจะทำยังไงดีค่ะ อยากได้คำตอบด่วนๆเลยค่ะ

MolyMoey   (11 ธันวาคม 2557  เวลา 19:35:14)

ความคิดเห็นที่  11

วันนี่เเม่พึ่งรู้ว่า ครบผู้หญิง เเม่ให้เลิกเลยทันที่ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ อยากอธิบายให้เเม่เข้าใจ เเต่เเม่ไม่ฟังเลย ไม่รู้จะทำอะไรต่อเเล้ว

SA love   (24 พฤศจิกายน 2557  เวลา 23:52:08)

ความคิดเห็นที่  10

ก็เป็นทอมไบท์คะชอบนะคะความรู้ดีคะแพทก็เอาไปให้แม่ดูแล้วท่านอ่านท่านก็เข้าใจต้องขอขอบคุณนะคะช่วยได้มากๆๆ

ความคิดเห็นที่  9

ผมวางแผนกับแฟนที่เป็นดี้แล้ว อีก 5 ปี เราจะไปทำกิ๊บ กันขอคำแนะนำในการเลี้ยงดูเขาหน่อยครับ

fresh   (7 พฤศจิกายน 2557  เวลา 10:07:38)

ความคิดเห็นที่  8

สังคมเปิดกว้างขึ้นมาก เพศไหนๆไม่สำคัญเท่ากับเป็นคนดีของสังคม

มากมายคำยืนยันจากผู้ใช้จริง #เสื้อกล้ามทอมแอทซีเครท คุณภาพดี อันดับ 1 แตกต่างด้วยความคุ้มค่าที่เหนือกว่า มั่นใจได้
http://goo.gl/qDsIiy ลองเข้าไปอ่านดูก่อนคับ

ทอม   (14 กันยายน 2557  เวลา 11:52:05)

ความคิดเห็นที่  7

มีแฟนเป็นทอมค่ะ ครบมาได้ 5 ปีแล้ว ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เรียนจบแล้วอยากจะสร้างชีวิตกับคน ๆ นี้ แต่ติดที่ ผู้ใหญ่ คงไม่เหนด้วย อีกอย่างแฟนเป็นคนอิสลามด้วย เรื่องที่เขาจะยอมรับคงอยาก ก็จะดื้ออยู่ด้วยกันจน วินาทีสุด 5555 (ดูเศร้าจัง)

faiiz   (5 กันยายน 2557  เวลา 00:19:28)

ความคิดเห็นที่  6

แม่ไม่ชอบทอมทำไงดี

^^bo   (22 สิงหาคม 2557  เวลา 16:37:52)

ความคิดเห็นที่  5

หนูยอมทำทุกอย่าง ตั้งใจเรียน เรียนคณะที่แม่หวัง
แต่้พราะหนูเป็นทอมใช่มั๊ยคะ แม่ถึงไม่เคยภูมิใจในตัวหนูเลย

เสียใจ   (11 สิงหาคม 2557  เวลา 00:50:51)

ความคิดเห็นที่  4

อยากหล่อแบบนี้จัง  มีแต่คนบอกว่าเราเหมือนทอม  อยากหล่ออยากหล่อ  ข้อแนะนำดีมากครับบบบ   ผมจาหล่อแบบนี้ครับผมมมมมมมมม

ตติยา วงศ์พานิชย์   (28 มิถุนายน 2557  เวลา 13:20:06)

ความคิดเห็นที่  3

หลานเป็นทอม เกิดทะเลาะกับแฟนมาร้องไห้กับเรา เราแนะนำว่าให้ต่างคนต่างอยู่กับตัวเองสักพักแล้วจะรู้ว่าตัวแต่ละคนต้องการอะไรแต่ถ้าถึงต้องเลิกก็ต้องเลิกจะไปฝืนทำไม ไม่มีความสุขหรอก เรายังเด็กยังต้องเจออะไรอีกเยอะ ขอให้รับความจริงให้ได้ตั้งใจทำงานดีกว่าจะมาฟูมฟายดิฉันแนะนำถูกต้องมั๊ยคะ

อ้อย   (22 มิถุนายน 2557  เวลา 11:34:59)

ความคิดเห็นที่  2

-ขอบคุณสำหรับ ความคิดเห็น ดี ๆ

พระวรธรรม   (24 มีนาคม 2557  เวลา 22:14:18)

ความคิดเห็นที่  1

เรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดคือความรักที่มีให้กับลูก....ขอบคุณสำหรับสื่อดีๆที่มอบให้เรียนรู้

Todsapol wongnet   (18 มีนาคม 2557  เวลา 04:43:08)