เธออย่าคิดมากไปเลยนะเพื่อน ฉันเข้าใจเรื่องที่เธอเล่าถึงปัญหาในครอบครัวของเธอให้ฉันฟัง ครอบครัวฉันเองก็เป็นอย่างเธอเหมือนกันแหละ บางเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำกันนั้น เด็กอย่างเรายังไม่เข้าใจหรอก
พ่อเคยสอนไว้ว่า เป็นเด็กมีหน้าที่เรียนหนังสือหาความรู้ใส่ตัว และต้องไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเรสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น พ่อของฉันยังย้ำเสมอๆ ว่าถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวใต้ชายคาบ้านเดียวกันเหมือนเมื่อก่อน แต่พ่อกับแม่ก็ยังรักลูกเสมอ และขอให้ลูกทุกคนรักและเคารพพ่อแม่ เพราะท่านทั้งสองคือผู้มีพระคุณสูงสุดของเรา แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกัน ฉันต้องนั่งกินข้าวพร้อมฟังเสียงทะเลาะกันของพ่อกับแม่แทบทุกเช้าและเย็น ยิ่งวันไหนพ่อกลับจากที่ทำงานค่ำมืด คืนนั้นฉันต้องนอนคุดคู้เอาสองมืออุดหูเพราะผู้ใหญ่สองคนจะโหวกเหวกใส่กันเสียงลั่นบ้านไปหมด ในช่วงแรกนั้นบรรยากาศในครอบครัวของฉันก็สงบราบเรียบเป็นปกติ แต่เมื่อพ่อเริ่มกลับบ้านดึก และมักมีกลิ่นเหล้าติดตัวมาด้วย แม่ก็จะหาเรื่องบ่นต่างๆ นาๆ แล้วเสียงบ่นก็เปลี่ยนเป็นเสียงตวาดเข้าใส่กันอย่างดุเดือด จนกระทั่งพ่อตัดสินใจหอบเสื้อผ้าออกไปอยู่บ้านยาย และจะกลับมาที่บ้านนี้เฉพาะตอนเช้ากับตอนเย็นที่ต้องมารับ-ส่งฉันไปโรงเรียน พ่อบอกกับฉันว่ารักฉันกับแม่มาก แต่มีเหตุผลบางอย่างที่เด็กอย่างฉันยังไม่เข้าใจ ต้องรอให้โตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ จึงจะรู้เรื่องในสิ่งที่พ่อกับแม่ทำ ฉันเองก็ไม่ได้ซักไซ้กวนใจพ่ออีกเลยนับแต่นั้นมา เคยมีเพื่อนๆ บางคนพยายามถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวอยู่เหมือนกัน แม้กระทั่งผู้ใหญ่บางคนก็ถามอย่างกับว่าจะให้ฉันเป็นคนตัดสินใจปัญหาน่าปวดหัวนี้ พวกเขามักเอ่ยในทำนองว่าเสียใจหรือเปล่าที่พ่อแม่แยกทางกัน แหม....ลองพวกเขามาเจอเองบ้างสิ.... ดูซิว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมทุกคนจะต้องโยนความผิดให้กับคนนั้นคนนี้ แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่พ่อหรือแม่ของฉัน ที่สำคัญ เดี๋ยวนี้ฉันไม่ต้องทนกับบรรยากาศอันร้อนรุ่มเวลาที่พ่อกับแม่ระเบิดพายุอารมณ์ใส่กันอีกแล้ว เพราะท่านทั้งสองต่างมีเส้นทางเดินของตัวเองที่ท่านเลือกอย่างเหมาะสม บ้านของฉันจึงปลอดจากการสร้างภาพครอบครัวอันแสนสุข แต่ภายในลุกเป็นไฟอีกต่อไป |
ความคิดเห็น