“จำไว้นะลูก เกิดมาเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็ง อดทน โตขึ้นจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว”
หรือ “เราเป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย อ่อนหวานนะลูก”
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำพร่ำสอนเหล่านี้มาบ้าง ซึ่งคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ใหญ่ก็จะเลี้ยงดูลูกหลานให้สอดคล้องกับคำสอนข้างต้น
ดังนั้นหากเด็กผู้หญิงหันมาเล่นฟุตบอล ชอบชกต่อย เด็กชายชอบความสวยงาม ชอบเล่นตุ๊กตา ชอบทำอาหาร คนที่เป็นผู้ปกครองจะรู้สึกอย่างไรที่เห็นลูกหลานตัวเองมีพฤติกรรมแตกต่างไปจากที่ “สังคมคาดหวัง”
ผมคิดว่า คงมีผู้ปกครองบางส่วนที่ยอมรับไม่ได้ ที่ลูกหลานตัวเองต้องกลายมาเป็น “เพศที่สาม” ที่สังคมให้ชื่อพวกเธอว่า ตุ๊ด กระเทย เกย์ ทอม ดี้ ฯลฯ
เยาวชนเพศที่สามที่เติบโตมาในครอบครัวที่ยอมรับไม่ได้ วิถีการดำเนินชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร เหมือนกับบุคคลอื่นทั่วไปไหม หรือต้องคอย “แอ๊บ” ต้องแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนออกมา ทั้งที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ไม่ใช่เรื่องที่ใครมาบังคับแต่อย่างใด
ถ้าเราลองนึกถึงหลักความเป็นจริงก็คงจะพอเห็นว่า เพศที่สามก็เป็นมนุษย์ มีหัวใจ มีความรู้สึก มีความรัก แต่ทำไมสังคมไม่ค่อยยอมรับกลุ่มคนเหล่านี้ ทั้งๆ ที่ความเป็นเพศที่สามไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใครเลย แต่กลับถูกมองว่า เป็นคนที่มีจิตผิดปกติ วิปริต ชอบสร้างกระแส หรือเรียกร้องความสนใจ
จากวิธีคิดเหล่านี้รึเปล่า จึงทำให้คนที่เป็นเพศที่สามต้องมาทำศัลยกรรมทางเพศเพื่อ “สร้างความเท่าเทียม” ทางสังคมให้เกิดขึ้น ผมสงสัยว่าที่พวกเขาทำศัลยกรรมนั้น เป็นเพราะใจปรารถนา หรือว่าที่ทำลงไปเพียงเพื่อต้องการให้คนที่ตนรักยอมรับกับสิ่งที่สังคมกำหนดขึ้นว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง
ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจกำลังสะท้อนให้เห็นว่า สังคมนี้ให้คุณค่า “ความเป็นมนุษย์” ที่อะไรกันแน่? เงินทอง หน้าตา ชื่อเสียง หรือต้องเป็นผู้ชาย และผู้หญิงเท่านั้นหรือ แล้ว ตุ๊ด กระเทย ทอม ดี้ จะวางบุคคลเหล่านี้ไว้ส่วนไหนของสังคมล่ะครับ
สำหรับผู้ปกครองที่กำลังเผชิญอยู่กับเรื่องราวแบบนี้ก็อย่าเป็นกังวล เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สามารถ “รักษา” ได้ไม่ยากเลย เพียงแค่มอบความรัก ความห่วงใย และเข้าใจว่าลูกจะเป็นอะไร คนในครอบครัวก็ยังให้ความรัก และมอบความอบอุ่นให้ก็พอแล้ว
ที่สำคัญคือ มองในสิ่งที่เขาเป็น อย่าบังคับในสิ่งที่เขาไม่อยากเป็น
ผมคิดว่านาทีนี้เราควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมมือ ร่วมใจกันขับเคลื่อนพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า เพื่อตัวเราและลูกหลานที่กำลังจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ดีกว่ามานั่งจับผิดเรื่องความเป็นชายเป็นหญิง
ซึ่งมันคงไม่ได้ทำให้คุณ หรือพวกเขาดีขึ้นหรอกครับ