วัยรุ่นกับธรรมะ....
หากนับอายุแล้ว ตอนนี้ผมก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ยังไม่ค่อยโตพอจะเรียกได้ว่าเป็น “ผู้ใหญ่”
วัยรุ่นอย่างผม เป็นวัยที่กำลังเติบโต มีใจในการเรียนรู้ ลองผิด ลองถูก และอยู่ในห้วงเวลาของความเป็นตัวเอง มีอิสระทางความคิด มีสิทธิและเสรีภาพในการใช้ชีวิตอย่างมากมาย
ทั้งเรื่องเรียนหรือการใช้ชีวิตกับกลุ่มเพื่อน ตลอดจนความรักระหว่างหนุ่มสาวต่างเป็นสิ่งที่วัยรุ่นชายหญิง ต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างเท่าๆ กัน แต่ใครจะผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล หรือผ่านได้อย่างง่ายๆ ต่างก็เป็นเรื่องของคนๆ นั้นที่จะพาตัวเอง ทั้งกายและใจพ้นออกมาจากวังวนชีวิตเหล่านั้นได้
แต่ถามว่าเมื่อพ้นวัยรุ่นมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว เราจะสามารถแยกเอาการใช้ชีวิตกับเพื่อนหรือคนรักออกจากกันได้ไหม ซึ่งผมมองว่าคงเป็นไปได้ยากมาก เพราะคนที่เป็นผู้ใหญ่หลายๆ คนก็ยังอยู่ในวังวนลักษณะอย่างนี้อยู่เหมือนๆ กันกับวัยรุ่น
สิ่งที่ผมพูดมานั้นหมายความว่าไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ เราต่างมีวิถีชีวิตที่วนเวียนอยู่กับเรื่องของตัวเองและคนอื่นอย่างเลี่ยงไมได้ ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัว แฟน เพื่อน ครู อาจารย์ หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานก็ตาม ทุกคนเหล่านี้เป็นคนที่เราจะปฏิสัมพันธ์อยู่กับเขา
การที่เราอยู่ร่วมกันด้วยความรักและเข้าใจนั้น เป็นความท้าทายของคนทุกๆ คน
เราจะอยู่อย่างไร ให้เราเข้าใจตัวเอง และเข้าใจในคนอื่นได้ด้วย
การอยู่ร่วมกันกับคนอื่นเป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการสร้างความเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นเป็น ในขณะเดียวกันการอยู่ร่วมกับคนอื่นหรืออยู่คนเดียวก็ยิ่งช่วยทำให้เราเห็นและเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น
ซึ่งอันที่จริงแล้ว “ธรรมะ” มีส่วนช่วยอย่างยิ่ง ให้เราสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ด้วยความรักและเข้าใจ
แต่สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือ กว่าที่เราจะเข้าใจตัวเอง และเข้าใจคนอื่นได้นี้
ควรมีอะไรอีกมากมายที่เราต้องเข้าใจในตัวเอง เพราะการที่เราเข้าใจในตัวเองจะทำให้เราเข้าใจคนอื่นไปพร้อมๆ กัน
ผมพบว่าการเรียนรู้ชีวิตทั้งความรัก การงาน เพื่อน สังคม และอะไรอีกหลายๆ อย่าง เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา และสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถผ่านพ้นได้ด้วยใจของเราที่เข้มแข็งและเข้าใจในสิ่งที่มันเป็นอยู่
ธรรมะอยู่ในใจของเราตลอดเวลา
เขาว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติ และ ธรรมะ คือ ธรรมดา ของชีวิต
บันทึกเล่มนี้ จึงเป็นเพียงเรื่องธรรมดาของชีวิตของผมเท่านั้น
ที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเองและเข้าใจผู้อื่นไปอย่างมีความสุข
ขอให้บันทึกเล่มนี้เป็นกระจกสะท้อนความจริงของชีวิตและเข็มทิศในการเดินทางภายใน.....
หากมีอะไรที่ผิดพลาดไป ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้
เพราะบันทึกเล่มนี้ เป็นบันทึกเล่มแรกที่ผมได้ทำขึ้นมาครับ