อยากช่วยเพื่อนให้พ้นจากโรค…อกหัก

159

ฉันเดินออกจากชมรมคนนินทาเพื่อนอย่างละเหี่ยใจ ในขณะที่แต่ละคนต่างเมามันกับการเอาความทุกข์ของเพื่อนมาอำเล่นเป็นเรื่องสนุกปาก ยิ่งมาคิดว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง คงตลกไม่ออกแน่ๆ

โดนหักอกมาอย่างนี้ใครยังมีแก่ใจนั่งยิ้มแป้นได้…ก็บ้าแล้ว

เหยื่อขี้ปากรายนี้ก็ใช่ใครที่ไหน เป็นเพื่อนสนิทของเรานะเอง โดนแฟนทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย ทั้งที่หล่อนก็ดีแสนดีกับแฟนออกปานนี้ แต่อย่างว่าแหละ ของแบบนี้มันเข้าใครออกใครที่ไหน เมื่อเป็นอย่างนี้ก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ อกหัก แล้วยังถูกเพื่อนๆ ล้อลับหลังเป็นใครก็คงช้ำใจไม่น้อย ฉันจึงต้องอาสาเป็นยาสมานแผลใจให้เพื่อนรักคนนี้ ว่าแต่ว่าจะช่วยยังไงดีหนอ เรามันก็อ่อนประสบการณ์ทางนี้เสียด้วยสิ
สงสัยต้องหาหนังสือประเภทปลอบประโลมสร้างขวัญกำลังใจสำหรับคนพ่ายรักมาอ่านเป็นแนวทางสักหน่อย

เมื่อคิดดังนั้น ฉันก็เที่ยวคว้านหาหนังสือรักๆ ใคร่ๆ อยู่หลายร้าน กว่าสายตาจะสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ เท่ๆ ว่า “อกหัก รักซ่อมได้” ที่ใช้สีตัวหนังสือแดงแจ๊ด สะดุดอารมณ์ เมื่อพลิกข้างในอ่านครูหนึ่ง อืมม… เนื้อหาก็เก๋ไม่เบา

ตัดสินใจเป็นเจ้าของหนังสือ เล่มบางสีร้อนรัก เล่มนั้นอย่างไม่รีรอ

หนังสือเขียนโดยผู้ช่ำชองการดื่มน้ำใบบัวบกมาอย่างโชกโชน แนะว่า

– เมื่อกำลังตกอยู่ในอาการ ‘อกหัก’ อย่าอยู่คนเดียวเป็นเวลานานๆ หรือคิดหมกมุ่นแต่ปัญหาเดิมๆ จะทำให้ยิ่งทุกข์โศกหนักขึ้น ควรหาเพื่อนสนิทสักคนมาช่วยรับฟังสิ่งที่อยากระบาย (ถ้าไม่มีแม้เพื่อนสักคน ก็หาหมาสักตัวก็ยังดี (เผลอๆ ดีกว่าคนอีก)

– ถ้าไม่มีใครเลยจริงๆ ขนาดหมาก็ยังเมิน ควรจะหาเพลงสนุกๆ ฟัง หรือเป็นเพลงที่มีเนื้อหาดีๆ ฟังแล้วอบอุ๊น..อบอุ่น ให้กำลังใจ อะไรประมาณนี้กรอกหูทุกๆ วัน (ไม่เอา เพลงอกหัก ประมาณว่า “ทำไม มันเหงาไปหมด ทำไม มองฟ้ามันไม่สดใส” ขอเหอะ….) หรือแม้แต่หนังสือเล่มโปรดสักเล่มก็ไม่เลว

– จงมองดูชีวิตคู่คนอื่นๆ ที่ตกที่นั่งเดียวกับเรา จะเห็นว่าบางคนตกที่หนักกว่าเราเป็นสิบเท่ายังยิ้มร่า เดินลอยหน้าระรื่น อย่างนี้แล้ว พวกปากหอยปากปูก็หมดหนทางกระดกลิ้น ไม่มีใครเม้าท์คนมีความสุขกันหรอก ไม่สะจายยย

– ส่วนตัวต้นเหตุ (อดีตคนเคยรัก) ก็ไม่ต้องไปอาฆาตผูกใจเจ็บให้เสียเชิงรัก ต้องยืดอกให้เขาเห็นว่า เราก็ใจกว้างพอกับเรื่องพรรค์นี้ เมื่อหมดรักกันแล้วก็ ‘แยกกันเดิน’ เรื่องอกหักจึงเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็มีสิทธิโดนได้ทั้งนั้น เพราะเราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ย่อมมี รัก โลภ โกรธ หลง เกลียด ชัง เบื่อ หน่าย หนุกหนาน ฯลฯ เป็นเหมือนน้ำจิ้มให้ชีวิต เพราะฉะนั้นไม่ได้มีเราเพียงคนเดียวที่ “โดน”

– อย่าคิดอะไรสั้นๆ แบบเข้าข้างตัวเองชนิดเอาหัวกระแทกฝา โดยเฉพาะการทำร้ายตัวเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ (แหม โดนทำให้ช้ำขนาดนี้แล้วยังจะซ้ำให้ตัวเองกระอักไปถึงไหน) เพราะคนที่ปวดร้าวยิ่งกว่าเราร้อยเท่าคือคนที่อยู่ข้างหลัง ก็ พ่อ แม่ เราไง ท่องให้ขึ้นใจ

– อย่าใส่ใจกับเสียงนกเสียงกา หมา แมว ที่อาจล่องลอยมากระทบหู ถือว่าเป็นของเสียของพวกมีอาการท้องผูก ต้องหาทางเบ่งระบายกันบ้างตามประสา หมู หมา กา ไก่ และตะกวด

– ออกกำลังกาย โหย วิธีนี้ชะงัดนักแล ขอบอก ไม่ว่าจะวิ่งเยาะๆ อยู่กับบ้าน หรือวิ่งตามรถเมล์สักสี่ห้าป้าย หรือจะซ่าขนาดขี่จักรยานขึ้นตึกใบหยก (อันนี้ล้อเล่น) เพื่อให้เหงื่อไหลออกมาแทนน้ำตาอย่างมีประโยชน์ ซึ่งนอกจากช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังเป็นการปลดปล่อยอารมณ์เสียได้เป็นอย่างดี ได้ฤกษ์ ลดความอ้วน ก็งานนี้แหละ ถ้าผอม สวย ดังใจ ก็…อย่าลืม…กลับไปขอบคุณเขาด้วยล่ะ

– เอาความรักที่คนบางคนไม่สนใจ กลับคืนมามอบให้คนที่บ้าน หรือคนใกล้ชิดดีกว่า ….ดีกว่าอะไร!
ก็ดีกว่าเอาไปโยนทิ้งลงแม่น้ำนะซี ก็รักเรามีคุณค่าออกจะตาย เรื่องอะไรจะปล่อยให้ไหลไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวปลาตอดหมด

– ฉะนั้นเมื่อความรักถึงคราวต้องชำรุด อย่าปล่อยให้รักนั้นเสียศูนย์ ขึ้นสนิมเกรอะกรังไร้ราคา ต้องรีบซ่อมแซม โมดิฟายกันใหม่ ด้วยวิธีแนะนำข้างต้น เพื่อนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะอย่างไรเสียชีวิตคนก็ขาดความรักไม่ได้อยู่แล้ว – สุดท้ายนี้เป็นเรื่องที่ต้องแสดงความยินดีกับคุณ เพราะคุณถือได้ว่า ผ่านบทเรียนแห่งความรักไปได้อีกเล่มหนึ่งแล้วนะ (โดยไม่ต้องรับประกาศนียบัตรรับรองใดๆ) และยังมีมายารักอีกหลายเล่มเกวียนเชียวรอให้เราไปพิสูจน์ ขอให้อิ่มรสกับรักครั้งใหม่……เถิด ท่านสมาชิก “คนอกหัก ดีกว่ารักไม่เป็นคน….”

ฉันอ่านทวนอีกหลายรอบเพื่อให้ตัวเองท่องขึ้นใจ โดยจำเฉพาะเรื่องสำคัญๆ ที่คิดว่าคล้ายกับชีวิตของเพื่อน กะว่าจะเอาไปแนะนำเพื่อนเป็นฉากๆ ตามขั้นตอนในหนังสือ ครั้นจะหิ้วไปฝากทั้งเล่มก็ดูเหมือนจะตั้งใจปลอบคนอกหักเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นนักดามหัวใจไร้ฟอร์ม

ก่อนจะไปหาเพื่อนที่บ้าน ฉันก็ซ้อมท่องไปอีกหลายเที่ยว (เพื่อความมั่นใจสูงสุด) เมื่อไปถึงหน้าประตูบ้าน เพื่อนออกมาเปิดประตูรับด้วยสีหน้าเศร้าๆ ฉันเริ่มสงสัยว่าเจ้าตัวอาจรู้เรื่องที่กลุ่มเพื่อนๆ ตั้งวงนินทาแล้วมั้ง
ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม เพื่อนก็ปล่อยโฮหน้าประตูพร้อมทั้งโผกอดฉันยังกะนางเอกในละคร จึงต้องปลอบกันอยู่ตรงหน้าบ้านนั่นแหละ

“ไม่เป็นไรนะเพื่อน ใจเย็นๆ มีไรไปคุยกันในบ้าน” ฉันลูบหลังไหล่เพื่อนมือระวิง แล้วดันเพื่อนให้ตั้งตัวและสติ “ก็……เธอ…..มา…….เป็น……เพื่อน..รักฉันนะสิ” เพื่อนพูดติดอ่าง แต่ฟังเหมือนเขินตัวเองมากกว่า ก่อนจะยกมือที่ถือหนังสือเล่มหนึ่งขึ้น แล้วเอาท่อนแขนป้ายน้ำหูน้ำตาที่เลอะไปทั้งหน้า
“อ้าววว” ฉันอุทานขณะเหลือบตาไปเห็นหนังสือที่อยู่คามือเพื่อน
ตัวหนังสือสีแดง…ร้อน…อย่างงั้น คุ้นตาจริงเชียว
“อกหัก รักซ่อมได้”

แสดงความคิดเห็น

Please enter your comment!
Please enter your name here