เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ใต้เงาฮิญาป
3 ปีที่ผ่านไป มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ได้มาทำงานเรื่องเอดส์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่ว่าจะเป็นปัตตานี ยะลานราธิวาส สิ่งที่พบเห็นอยู่ทั่วไปคือ คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เชื่อว่า เอดส์อาจจะเป็นปัญหาของจังหวัดอื่น แต่ไม่ได้เป็นปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ด้วยเหตุผลหลักที่ทำให้เข้าใจอย่างนั้นก็คือ...
คู่มือการใช้หนังสั้น “รูดม่านออก คุยเรื่องเพศ” และ “เอดส์ รักษาได้”
คู่มือการใช้หนังสั้น "รูดม่านออก คุยเรื่องเพศ" และ "เอดส์รักษาได้" นี้ใช้ประกอบการฉายวีซีดีหนังสั้น เพื่อการแลกเปลี่ยนและสร้างการเรียนรู้ในเรื่องเอดส์และเพศอย่างรอบด้านให้แก่ผู้ชมหนังสั้น "รูดม่านออก คุยเรื่องเพศ" และ "เอดส์รักษาได้" ประกอบด้วยหนังจำนวน ๘ เรื่อง...
บทเรียนโครงการไม่รังแกกัน (No Bullying)
หนังสือบทเรียนโครงการป้องกันและลดการใช้ความรุนแรงและการรังแกกันในสถานศึกษา หรือ โครงการไม่รังแกกัน เล่มนี้ มูลนิธิแพธทูเฮลท์ ตั้งใจที่จะจัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอบทเรียนสำคัญในการดำเนินโครงการฯ อันจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะใช้บทเรียนของโครงการฯ ไปต่อยอดการทำงาน โดยเฉพาะในบริบทของสถานศึกษา ที่มีเป้าหมายที่จะทำให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนทุกคน และเพื่อเป็นการป้องกันและลดการใช้ความรุนแรงและการรังแกกันทุกรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นในสถานศึกษา
หนังสือเล่มนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย...
แนวคิดในการออกแบบการจัดการเรียนรู้สำหรับครูและผู้ปฏิบัติงานด้านเพศศึกษาสำหรับเยาวชน
โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ เป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อจะสร้างสุขภาวะในเรื่องเพศแก่เยาวชน ผ่านการสร้างการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาแก่ผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้ใหญ่ และเยาวชนทั้งในแวดวงการศึกษา การสาธารณสุข และการพัฒนาเยาวชนเพื่อขยายความเข้าใจเรื่องเพศวิถี และส่งเสริมการใช้ชีวิตทางเพศอย่างปลอดภัยและรับผิดชอบ โดยเฉพาะการบ่มเพาะเยาวชนแต่เยาว์วัย ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางเพศ ให้ได้รับการเรียนรู้ ทั้งในสถานศึกษาครอบครัว ชุมชน พื้นที่สาธารณะ และสื่อสารมวลชน
โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจมีระยะเวลาในการดำเนินงานห้าปี...
อันเนื่องมาจาก…ติดเอดส์เพราะเราจูบกัน?โดย: ธิติพร ดนตรีพงษ์ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ [30 พฤศจิกายน 2554]
สืบเนื่องจากข่าว “จูบคนแปลกหน้าอันตราย!!ติดเอดส์สายพันธุ์ใหม่ลูกผสม...เติบโตได้ในน้ำลาย!”ที่ลงในมติชนออนไลน์เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเนื้อข่าวระบุว่านักวิจัยได้ทดสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวีและพบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ๒ รายจากทั้งหมด ๔๔ ราย พร้อมตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็นเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสม ซึ่งมีที่มาจากแอฟริกัน
ประเด็นที่น่าสนใจกว่าคือ มีการระบุว่าเอชไอวีสายพันธุ์ผสมสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในน้ำลายของคน แปลว่าถ้าจูบกันก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้
...