อยากบอกรักเขา…แต่ไม่กล้า

176

ไดอารี่ที่รัก

          วันนี้ ก็เป็นอีกวันแล้วนะที่ฉันได้แต่สบตา…พี่เขา….แล้วก็ยิ้มให้อย่างไม่ตั้งใจ ….จากนั้นก็ทำได้แต่ก้มหน้างุดๆ …เฮ้อ…รวมเวลาแห่งการสบตา ..ก้มหน้า..ก็ 3 เดือนละ…เมื่อไหร่นะถึงจะกล้าพอที่จะทำอะไรแบบยัยน้องบ้าง นับถือเพื่อนเราคนนี้จริงแฮะที่โทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มที่เธอ “ปิ๊ง” แล้วยังชวนเค้าไปกินข้าว ดูหนังได้ด้วย ฉันเคยถามน้องว่า ทำไมถึงกล้าเป็นฝ่ายชวนเขาก่อนล่ะ น้องบอกว่า ก็ไม่เห็นเสียหายอะไร เมื่อเรารู้สึกสนใจใคร ก็ควรจะเปิดโอกาสทำความรู้จักกับเขาซะ จะได้รู้ว่าเป็น “คู่แท้” จริงหรือเปล่า เธอไม่ได้ไปทำอะไรเกินเลยเช่น ไปคบกับเขาโดยการนอนด้วยนี่นา ฉันถามน้องกลับไปว่า แล้วถ้าเขาปฏิเสธ ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเราล่ะ …น้องก็หันหน้ามามองฉัน ทำเสียงจริงจังว่า “เธออย่าคิดว่าฉันจะไม่เคยเจอการปฏิเสธจากผู้ชายที่ฉันสนใจ ครั้งแรกๆ ที่ฉันเจอน่ะ ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับไปสามวันสามคืนเลย แต่ แล้ว ฉันก็คิดได้ว่า เราอยากเริ่มต้นความสัมพันธ์กับเขาแบบเพื่อน แต่ถ้าเขาไม่ไยดี ไม่เห็นอยากจะคบเราในแบบนั้น ก็แสดงว่า แม้แต่เป็นเพื่อนยังไม่ได้เลย แล้วจะให้เป็นแฟน ไม่ยากกว่าเหรอ…”

          ความจริง ที่น้องพูดก็อาจมีส่วนถูก แต่ มาคิดๆ ดู เพื่อนเราก็มีแยะแล้วนี่นา…เราอยากคบเขาในแบบที่มากกว่า..เพื่อนตังหาก…แต่เรื่องของหัวใจ บังคับกันไม่ได้…แม่เคยบอกว่า ความรักเป็นเรื่องของคลื่น บางทีก็ต้องอาศัยเวลาในการจูนเข้าหากัน ส่วนแบบที่เห็นปุ๊บ แล้วติดปั๊บ ทั้งมั่นใจว่า ใช่แล้ว คนนี้แหละ แม่บอกว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ฉันเล่าให้แม่ฟังว่า เวลาน้องชอบใคร สนใจใคร น้องก็จะแสดงออกมาเลย เพราะเธอถือคติว่า..ด้านได้..อายอด…แม่ฉันหัวเราะชอบใจ แล้วย้อนถามฉันว่า…ฉันล่ะ คิดแบบเดียวกับน้องไหม…น่าแปลกนะที่แม่ไม่เห็นว่าสิ่งที่น้องทำนั้นผิด

          ตัวฉันเองไม่กล้าทำแบบน้องหรอก เลยต้องมาระบายให้เธอฟังไงจ๊ะ สมุดบันทึกจ๋า แล้วก็ได้แต่แอบสบตาพี่เขา ถอนใจไปวันๆ ยังดีที่ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มาอยู่เหนือการกิน การนอน การเรียน ไม่งั้นล่ะคงแย่แน่แบบที่เพื่อนๆ หลายคนในห้องเป็น…เหตุผลง่ายๆ ที่ฉันไม่กล้า…ก็กลัวอกหัก..น่ะสิ….

          เอ แต่มาคิดๆ ดูแล้ว การที่เราซึ่งเป็นฝ่ายหญิงจะขอเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชายเขาก่อน ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนี่นา อย่างน้อย เราก็อาจจะได้เพื่อนที่ดีเพิ่มมาอีกคน ถ้าเขาไม่ต้องการหรือไม่รู้สึกแบบเดียวกับเรา…เอ่อ ก็คงต้องพึ่ง …เวลา..แหละนะที่จะช่วยเราได้ในเรื่องนี้ แต่วัยรุ่นอย่างเรา จะให้วางใจให้ เข็มนาฬิกา เป็นยารักษาใจ  คงยากแฮะ…ไม่งั้นเค้าจะมีคำพูดแปะติดไว้ที่หน้าผากพวกเราว่า วัยรุ่นใจร้อน เหรอ

         อืม เอาไงดี…หรือจะเสี่ยงดู แบบว่า..อกหักดีกว่ารักไม่เป็น..ดีหนอ..ไดอารี่จ๋า…ฉันจะบ้าแล้วจ้ะ…เฮ้อ

แสดงความคิดเห็น

Please enter your comment!
Please enter your name here